ความกังวลที่ไม่จางหาย / 1,355- 1,370

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ไม่ขึ้น ไม่ลง: แรงกดดันจากความกังวลนโยบายการเงินตึงตัวในฝั่งสหรัฐฯ หากแต่จำกัดด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น และความหวังมาตรการภาครัฐ ทั้งนี้ คาดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึง SET Index จะถูกกดดันจาก US bond yield 2 และ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.97% และ 4.55% ตามลำดับ ท่ามกลางมุมมองเชิง Hawkish ของเจ้าหน้าที่เฟด หลังนายนีล แคชแครี ปธ.เฟด มินนีแอโพลิเผยเขาต้องการเห็นข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่ชะลอตัวลงก่อนที่จะสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม มองทางลงจำกัด โดยคาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้ Sentiment หนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 2.71% ปิดที่ $79.83 ต่อบาร์เรล หลังตลาดคาดว่าการประชุม OPEC+ ในวันที่ 2 มิ.ย.67 จะยังคงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2.2 ล้านบาร์เรล/วันโดยสมัครใจ กอปรกับได้แรงหนุนจากความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวขึ้นในช่วง Driving season ของสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อ SME มองได้แรงหนุนจากการที่ก.คลังเตรียมมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS11) โดยบสย.วงเงินโครงการ 5 หมื่นลบ. โดยไม่เกิน 40 ลบ./ราย ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี ค้ำประกันตลอดโครงการไม่เกิน 30% และให้ความสำคัญในการค้ำประกัน SME รายใหม่ เป็นลำดับแรก เพื่อกระจายการเข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งกลไกนี้จะลดความเสี่ยง และเพิ่มหลักประกันให้กับ SME ในการประมินของธนาคาร และช่วย SME ที่ไม่มีหลักประกันหรือมีไม่เพียงพอ ให้เข้าถึงสินเชื่อได้ทันที ขณะที่วันนี้ติดตามการเผย CPI เดือนพ.ค.67 ของเยอรมนี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อยูโรโซนและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ ECB โดยตลาดคาดขยายตัว 2.4% y-y เร่งขึ้นจาก 2.2% y-y ในเดือนพ.ย.67 รวมถึงติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟต และ Beige Book ในฝั่งสหรัฐฯ
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) มาตรการ SME: BBL, KBANK, SCB 2) พลังงาน: PTTEP, SPRC, TOP 3) ศก.ยุโรปฟื้น: KCE, MINT, XO, STA 4) หวังศก.จีนฟื้น: HANA. PSL RCL SCGP 5) FISE rebalance: BGRIM,  CPE, SAWAD และ 6) เก็งหุ้นเข้า SET50/100: BA, BCP, ITC

ปัจจัยบวก

  • ครม.เห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นศก.ของประเทศ ตามที่ก.ต่างประเทศเสนอ เช่น การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วันปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนในระดับปริญญาตรีขึ้นไป โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังการศึกษา 1 ปี เป็นต้น
  • ก.ท่องเที่ยวฯเผยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 26 พ.ค.67 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 14.33 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของ นักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 6.83 แสนลบ.
  • ตามที่นายกฯมีนโยบายที่จะถึงการแข่งขัน F1 เข้ามาจัดที่ไทย สำหรับแผนการจัดแข่ง F1 ของรัฐบาล จะเริ่มจัดการแข่งในปี 2571 โดยจัดการแข่ง 3 วัน และจะเพิ่มการแข่งขัน F2 ด้วย
  • สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักรเผยอัตราเงินเฟ้อจากราคาสินค้าในร้านค้าประจำปีชะลอตัวลงสู่ระดับ 0.6% ในเดือนพ.ค. จาก 0.8% ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.64

ปัจจัยลบ

  • SCB EIC ปรับลดประมาณการศก.ไทยปี 67 ลงมาที่ 2.5% (ไม่รวม Digital wallet) จากเดิมที่เคยคาดไว้ 2.7% และเมื่อมองไปข้างหน้า ภาพรวมองค์ประกอบศก.ส่วนใหญ่แผ่วลง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำลง และการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งแม้ว่าจะกลับมาเร่งตัวจากการเร่งรัดเบิกจ่าย แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการหดตัวรุนแรงใน 4M67 ได้
  • เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ออกประกาศแจ้งสมาชิกปรับราคาไข่ไก่คละณ หน้าฟาร์มเกษตรกร เพิ่มขึ้นอีก 20 สตางค์/ฟอง อยู่ที่ 4.00 บาท/ฟองหรือ ปรับเพิ่มขึ้น 6 บาท/แผง มีผลวันที่ 29 พ.ค.67 ส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็นแรงกดดันต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
  • JPMorgan เชื่อว่านักลงทุนควรพิจารณาเปลี่ยนไปสู่หุ้น Defensive และ สินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อรอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางที่กำลังจะเกิดขึ้น
  • รมต.มหาดไทยลิทัวเนียเผยสมาชิกนาโต 6 ประเทศที่อยู่ติดกับรัสเซีย ตัดสินใจผนึกกำลังกันจัดตั้ง drone wall เพื่อปกป้องชายแดนของตนเอง

PICKS OF THE DAY

KBANK BUY

  • เป้าหมาย 136.00 / 140.00 แนวรับ 130.00
  • ได้ประโยชน์จากมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ: รัฐบาลอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ ออกมา และการค้ำประกันสินเชื่ออาจจะเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งมองว่า KBANK จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากที่สุด เนื่องจาเป็นธนาคารที่มีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อ SME สูงที่สุด โดยมีอยู่ถึง 29.3%
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูง: สินเชื่อ SME เป็นสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง การที่ KBANK มีสัดส่วนสินเชื่อประเภทนี้สูงทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงไปด้วย โดย 1Q67 อยู่ที่ 3.86% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่ที่ 3.66%

TOP BUY

  • เป้าหมาย 54.50 / 56.00 แนวรับ 51.00
  • เข้าสู่ฤดูขับขี่ : คาดค่าการกลั่นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3Q67 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูขับขี่ของสหรัฐ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.-ส.ค.67 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • อุปทานยังถูกกดดัน : จากการประชุม OPEC+ รอบถัดไปช่วงต้นเดือนมิถุนายน มีโอกาสที่ทางกลุ่มจะขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตต่อไปในอย่างน้อยถึง 3Q67 นอกจากนี้ ความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังคงมีอยู่ จะทำให้อุปทานของน้ำมันดิบตึงตัวและส่งผลให้ราคายังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

- Advertisement -