Daily Focus: Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways และค่อนข้างผันผวน ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 5.86 จุด ที่ระดับ 1,345.66 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหนานแน่น 7.4 หมื่นลบ. จากผลของ MSCI Rebalance สถาบันในประเทศซื้อ สุทธิในตลาดหุ้นอีก 535 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นขึ้นเป็น 4.1 พันลบ. (แต่ Short Index Futures บางลงเหลือ 3.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,340-1,355 จุด โดยคาดปรับตัวชดเชยวานนี้ที่ตลาดต่างประเทศปรับตัวขึ้นวานนี้ หลังเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯออกมาชะลอตัวและต่ำกว่าคาดเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจะถูกจำกัดจากกลุ่มพลังงานที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงกว่า 3% หลัง OPEC+ มีแผนเพิ่มอุปทานน้ำมันกลับสู่ตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้งในเดือน ต.ค. 24 ด้าน Bond Yield สหรัฐฯปรับตัวลงค่อนข้างแรง โดยอายุ 10 ปีลงจาก 4.6% เหลือ 4.4% ขณะที่ Dollar Index อ่อนตัวแตะระดับ 104 อีกครั้ง ทั้งจากเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด รวมถึง ISM ภาคการผลิตที่ชะลอตัวเหลือ 48.7 และต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ตลาดคาดหวัง FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือน พ.ย. 24 ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศยังคง Overhang และจำกัด Upside ของดัชนี ทั้งประเด็นศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคำร้องความเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน และการยุบ/ไม่ยุบพรรคก้าวไกล กลยุทธ์ยังแนะนำถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ระยะสั้นมองกลุ่มโรงไฟฟ้า ไฟแนนซ์ อิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวและ Domestic Play ที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค.: BDMS, CPALL, ITC, NSL, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, TIDLOR and TU
หุ้นเด่น Finansia 4 มิ.ย. 24 : GPSC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 59 บาท
- ระยะสั้นคาดได้ Sentiment หนุนจากราคาพลังงานที่ปรับลงและค่าเงินบาทที่พลิกมาแข็งค่า เบื้องต้นแนวโน้มกำไร 2Q24 จะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนราคาก๊าซฯที่ปรับลง และกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า SPP หน่วยที่ 2 100MW ส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada จะเพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าลมไต้หวันที่เริ่มผลิตไฟตั้งแต่เดือน พ.ค.
- บริษัทให้คำมั่นว่ากำลังผลิตปัจจุบันที่ 6,757 MW จะเพิ่มเป็น 10,440 MW ในปี 2026 ผ่านการลงทุนในต่างประเทศทั้งอินเดียและไต้หวัน ส่วนในไทยมีลุ้นได้กำลังการผลิตเพิ่มจากการเปิดประมูลการรับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วง 2H24 ส่วน Single pool gas price คาดจะประกาศภายใน 2Q24 จะเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานในระยะถัดไป
- แนวรับ 46//44.50 บาท แนวต้าน 48//49//50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$336 ล้าน หลังจากไหลออกหนาแน่นวันศุกร์ US$2.1 พันล้าน เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกที่เกาหลีใต้และไต้หวัน US$230 ล้านและ US$140 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกบางๆประเทศละ US$10-15 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า จาก Dollar Index ที่อ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นบวกต่อสกุลเงินในเอเชีย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลยุทธ์ลงทุนเดือน มิ.ย. Upside ระยะสั้นมีกำจัดแต่ยังมีหวังในช่วง 2H24 โดยช่วงเวลา Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่แน่นอนจากตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อยู่ในเกณฑ์ดีและทำให้เงินเฟ้อยังปรับลงช้า เราเชื่อว่าการลดดอกเบี้ยครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นใน 4Q24 เศรษฐกิจไทยยังทยอยเร่งตัวหนุนจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณใน 2Q24-2H24 ในขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยเป็นประเด็นความกังวลที่ต้องติดตาม เรามองว่าตัวเลขคาดการณ์ EPS ปี 2024 มี Downside จำกัดหลังกำไร 1Q24 ออกมาดีเกินคาด คงเป้า SET ของเราไว้ที่ 1,470 เราคงกลยุทธ์เลือกลงทุนโดยมีหุ้นเด่นในปี 2024 ประกอบด้วย AOT BDMS CPALL CPN GPSC KCG SHR SJWD TIDLOR และ TU
(+) SISB เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-26 ขึ้น 3%/8%/9% จากการปรับจำนวนนักเรียนใหม่ในปี 2024-25 ขึ้นเป็นปีละ 500 คนจากคาดการณ์เดิมปีละ 400 คน เนื่องจากความนิยมในโรงเรียนนานาชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มี inquiries จากผู้ปกครองเข้ามาเรื่อยๆโดยเฉพาะยิ่งเข้าใกล้เทอมการศึกษาใหม่เดือน ส.ค. แม้ว่างวด 5M24 จำนวนนักเรียนจะมีเข้าใหม่ประมาณ 140 คน คิดเป็น 28 คนต่อเดือน ถ้าแปลงเป็นปี จะอยู่ที่ 336 คน แต่เราเชื่อว่าด้วย demand ที่สูง นักเรียน 500 คนในปีนี้ปีหน้าน่าจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ปรับค่าใช้จ่ายในการบริหารลงให้สอดคล้องกับการคุมรายจ่ายที่ทำได้ดีใน 1Q24 ทำให้การเติบโตของกำไรเพิ่มเป็น 41%/24%/17% ในปี 2024-26 ตามลำดับ ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 44 บาท เพิ่มคำแนะนำ ขึ้นเป็น “ซื้อ”
(+) PRM โทนการประชุมเป็นบวก อุปทานเรือ Tanker ปัจจุบันขาดแคลนซึ่งเป็นผลบวกต่อค่าระวางเรือ FSU ของ PRM ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดทั่วโลกมีการสังต่อเรือคอนเทนเนอร์และเรือเทกองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรือคอนเทนเนอร์ ทำให้อุปทานเรือคอนเทนเนอร์ทยอยหลั่งไหลเข้ามาในตลาดต่อเนื่อง แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้นเพราะ 1) เรือขนาดใหญ่ซ่อมบำรุงไปแล้ว 10 ลำใน 1Q24 เหลืออีก 15 ลำที่ครบกำหนดซ่อมบำรุงแต่เป็นเรือขนาดเล็ก 2) บริษัทเตรียมซื้อเรือเพิ่ม เป็นเรือ FSU 1 ลำ คาด COD 3Q24 ซื้อเรือ Aframax 1 ลำเริ่ม COD 4Q24 และเตรียมสั่งต่อเรือใหม่ 6 ลำ คาด COD ปลายปี 2025 กำไรปกติปี 2024 ที่เราคาด 9% Y-Y อาจมี upside ราคาเป้าหมายปัจจุบัน 10 บาท Valuation ถูก ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 115.29 จุด หรือ -0.30% ปิดที่ 38,571.03 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากตลาดเผชิญเหตุขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งส่งผลให้ต้องระงับการซื้อขายหุ้นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ค.และรอดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เฟด จะปรับลด อัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยหนุนตลาด เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงใน สัปดาห์นี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก โดยนักลงทุนประเมินผลการเลือกตั้งกลางอินเดีย
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.59%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ามติของที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัสอาจจะนำไปสู่การเพิ่มอุปทานน้ำมันในวันข้างหน้า ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 73.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.32%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 23.50 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,369.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมองว่าดัชนีภาคการผลิตที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐจะทำให้เฟด
เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ข้อมูลดังกล่าวยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและฉุดอัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐชะลอตัวลงด้วย ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,369.60ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.01%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 832.21/ –