Daily Focus: Selective Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าเราและตลาดคาด ปิดลบถึง 14.17 จุด ที่ระดับ 1,318.57 จุด ทำ Low ใหม่ ถ่วงจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ กดดันทั้งจากโอกาสลดดอกเบี้ยของ FED ที่น้อยลงหลังตัวเลขการจ้างงานออกมาสูงกว่าคาด รวมถึงความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ ดัชนีปรับตัวลงทุก Sector ส่วนหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ INTUCH BBL BEM เป็นต้น สถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆอีก 170 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.6 พันลบ. (และ Short Index Futures สูงถึง 2.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,310-1,320 จุด ปัจจัยกดดันมาจากทั้งในและต่างประเทศ ตลาดยังมีความคาดหวังการลดดอกเบี้ยปีนี้ของ FED ทั้งที่ดูเลือนลาง คืนวันพุธนี้จึงต้องจับตาดูการประชุม FED ทั้งประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่รวมถึง Dot Plot ว่าจะขยับจากเดิมที่คาดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้ ลงเหลือ 1 หรือ 2 ครั้งหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีประเด็นการเมืองที่ Overhang โดยพรุ่งนี้จับตาคำตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล รวมถึงศาลปกครองสูงสุดตัดสินข้อพิพาทโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนประเด็นที่เรามองสำคัญที่สุดคือคำร้องความเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งคาดว่าอาจมีคำตัดสินในช่วงปลาย มิ.ย. หรือ ต้น ก.ค. เป็นความเสี่ยงและมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล กลยุทธ์ยังแนะนำถือลงทุนต่อเนื่องและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบของปัจจัยในประเทศกลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาด // รอดูแรงซื้อจากฐานแนวรับถัดไปบริเวณ 1,300+- จุด

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย.: CHG, CPALL, ITC, KCG, TFG

FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : BEM

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย consensus 10 บาท
  • ลุ้นศาลปกครองสูงสุดตัดสินข้อพิพาทโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะยืนตามศาลชั้นต้นและกลางให้ยกฟ้อง ถ้าเป็นเช่นนั้น BEM ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล เซ็นสัญญาได้ใน 3Q24 และเริ่มก่อสร้างต้นปีหน้า คาดให้บริการปี 2030 และเริ่มเปิดให้บริการสายสีส้มตะวันออก ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว รอวางระบบ สายสีส้มน่าจะเพิ่มมูลค่าให้ BEM อีกราว 1 บาท ส่วนกำไร 2Q24 คาดว่าจะโตได้ทั้งที่เป็น low season
  • แนวรับ 7.50-7.65 บาท แนวต้าน 8.00-8.20 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$198 ล้าน โดยเม็ดเงินไหลออกมากสุดจากเกาหลีใต้ US$89 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกต่อเนื่อง นำโดยไทยและเวียดนามประเทศละ US$44 ล้าน ส่วนอินโดนีเซียไหลออกต่อเนื่องอีก US$18 ล้านแนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่ายังคงไหลออกต่อเนื่องแต่เบาบางลง ลดความเสี่ยงจากผลการประชุมของ FED

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) BEM, CK พรุ่งนี้ติดตามศาลปกครองสูงสุดตัดสินข้อพิพาทสุดท้ายในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เรามองว่ามีโอกาสที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและกลางให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งจะเป็นบวกต่อ BEM ในฐานะผู้ชนะการประมูล และ CK ฐานะผู้รับงานก่อสร้างคาดเซ็นสัญญาได้ใน 2H24 และเริ่มก่อสร้างต้นปี 2025 ส่วนฝั่งตะวันตกเปิดปี 2030 ด้าน CK จะได้รับงานก่อสร้างรวมกว่า 1.1 แสนลบ. หนุน Backlog เร่งขึ้นจากปัจจุบัน 1.1 แสนลบ. เป็น 2.3 แสนลบ. (เทียบเท่ารายได้ 5-6 ปี)

(+) SISB โทนประชุมเป็นกลาง ประเด็นบวกคือเป้าจำนวนนักเรียน 400 คนปีนี้เป็นเป้าที่ conservative ก่อนหน้านี้เราปรับเป้า นักเรียนปีนี้ขึ้นเป็น 500 คน เชื่อว่าลุ้นได้ สำหรับสภาพเศรษฐกิจวันนี้อาจมีผู้ปกครองบางส่วนลำบาก บริษัท monitor อยู่และพร้อมช่วยเหลือ แต่ยังไม่พบประเด็นอะไร ธุรกิจโรงเรียนยังคงทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับอีกหลายธุรกิจ เรา ยังคงประมาณการและราคาเป้าหมาย 44 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(0) SNNP ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ลง 8.8% เพื่อสะท้อนการเติบโตของรายได้ 1Q24 ที่ต่ำคาด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q24 ไปแล้ว และแนวโน้ม 2Q24 จะกลับมาเติบโตทั้ง q-q และ y-y อยู่ที่ 170 ล้านบาท จากปัจจัยฤดูกาลและรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่ และอัตรากำไรขั้นตันที่สูงขึ้น และกำไรจะพีคใน 4Q24 ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10-15% เราคาดกำไรเติบโตเฉลี่ยใน 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 12.3% CAGR ราคาเป้าหมายใหม่ 19 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) KSL กำไรสุทธิ 2Q24 (ก.พ.-เม.ย.) ที่ 325 ลบ. -37% q-q, -22% y-y สาเหตุลด y-y มาจากปริมาณขายน้ำตาลที่ลดลงมาก -58% y-y จากภัยแล้ง ส่วนราคาขายปรับขึ้น 28% ชดเชยไม่ได้ ส่วนสาเหตุที่กำไรลด q-q แม้ปริมาณขายและราคาขายดีขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 18.2% จาก 28.1% ใน 1Q24 จากต้นทุนอ้อยสูงขึ้น และปริมาณวัตถุดิบที่ลดลง รวมบริษัทมีกำไร 1H24 ที่ 838 ลบ. -12% y-y แนวโน้มกำไร 2H24 น่าจะยังอ่อนตัวลงตามฤดูกาล โดยเฉพาะ 4Q24 ที่มักเป็นจุดต่ำสุดของปี ระยะสั้นราคาหุ้นขาด Catalyst อีกทั้งแนวโน้มกำไรจะอ่อนลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า และราคาน้ำตาลกลับมาเป็นขาลง

(0) คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 งวด 2H24 สำหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า BJC TIDLOR ITC BCP หุ้นออก BANPU COM7 SAWAD KCE // ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า BA BJC CKP EPG JAS JTS MBK QH SKY ออก BYD FORTH MOSHI NEX ORI RCL SNNP THG TKN

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 69.05 จุด หรือ +0.18% ปิดที่ 38,868.04 จุด ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI และผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ถูกกดดันอย่างหนัก หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศยุบสภาพร้อมเดินหน้าเลือกตั้งใหม่ หลังจากพรรคพันธมิตรสายกลางของเขาพ่ายแพ้ให้กับพรรค National Rally ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยนักลงทุนจับตามองทิศทางการดำเนินนโยบายของเฟด ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค.

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.27%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 2.93% ปิดที่ 77.74 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.26%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 2,327.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,323,80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 835.67/ –

- Advertisement -