ปัญหาการเมืองและดอกเบี้ยสูง / 1,300-1,320

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง : แรงกดดันจากการลดสถานะเสี่ยงท่ามกลาง Event ทางการเมืองและการประชุมของธนาคารกลาง ทั้งนี้ มองการเมืองไทยยังเป็น Overhang กดดัน โดยวันนี้ศาลรธน.จะมีการพิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงติดตามกรณี 40 สว.ยืนถอดถอนนายกฯออกจากตำแหน่งว่าจะเข้าสู่การพิจารณาด้วยหรือไม่ ขณะที่การประชุมกนงในวันนี้ ทางฝ่ายมองกนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% และยังไม่ส่งสัญญาณของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ หลังเงินเฟ้อเดือนพ.ค.67 ได้กลับเข้าสู่กรอบ 1-3% กอปรกับ GDP1Q67 สามารถขยายตัวได้ 1.5%y-y ซึ่งสูงกว่าที่กนง.คาดไว้ที่ 1% ทั้งนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแรงกดดันต่อภาคธุรกิจและครัวเรือน ตามต้นทุนทางการเงินที่คงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ คาด SET Index อาจเผชิญแรงขายลดสถานะเสี่ยงก่อนการเผยเงินเฟ้อเดือนพ.ค.67 ของสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC โดยตลาดคาด Headline CPI ขยายตัว 3.4% y-y และ 0.1% m-m จาก 3.4% y-y และ 0.3% m-m ในเดือนเม.ย.67 ด้าน Core CPI คาดขยายตัว 3.5% y-y และ 0.3% m-m จาก 3.6% y-y และ 0.3% m-m ในเดือนเม.ย.67 ขณะที่การประชุม FOMC คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% โดยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ถ้อยแถลงหลังการประชุม รวมถึง Economic Projection และ Dot plot เพื่อจับสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังในรอบเดือนมี.ค.67 เผยถึงการลด 3 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) หากแต่ในระยะหลังเจ้าหน้าเฟดต่างส่งสัญญาณในเชิง Hawkish เนื่องจากต้องการมั่นใจว่าเงินเฟ้อชะลอลงแล้วจริงอย่างไรก็ตาม SET Index ยังคงพอมีแรงพยุงหลัง World Bank คาดศก.โลกปี 67 จะขยายตัว 2.6% จากคาดเดิมที่ 24% โดยคาดศก.สหรัฐจะขยายตัว 2.5% จากคาดเดิม 1.6% ขณะที่การเผยเงินเฟ้อเดือนพ.ค.67 ของจีนเช้านี้ หากเร่งตัวขึ้น/หดตัวน้อยลงจะเป็นอีกแรงพยุง ทั้งนี้ตลาดคาด CPI ขยายตัว 0.4%y-y เร่งขึ้นจาก 0.3%y-y ในเดือนเม.ย.67 และ PPIคาดหดตัว 1.5% ดีขึ้นจากการหดตัว 2.5% ในเดือนเม.ย.65
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive: ADVANC, BEM, CHG, INTUCH 2) ส่งออก: AAI, ITC, STGT, TFG, TU 3) บอลยูโร: DOHOME, SAPPE, TACC, TKN 4) Selective: GULF, KTB ua: 5) Short-sell: AEONTS, BJC, CK, ORI, SPALI

ปัจจัยบวก

  • ครม.ไฟเขียวโครงการ 1) สินเชื่อ IGNITE THAILAND 5 พันลบ. เพื่อสนับสนุนเงินทุนใน 3 กลุ่มอุตฯเป้าหมาย และ 2) ค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 วงเงินค้ำประกัน 5 หมื่นลบ. โดยใช้กลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบสย.
  • รมว.ท่องเที่ยวฯเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 มิ.ย.67 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 15.54 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 7.36 แสนลบ.
  • โฆษกสำนักนายกฯเผยนายกฯ ได้มีข้อสั่งการให้ก.พลังงานเร่งหารือกับ บีโอไอ เพื่อกำหนดมาตรการการอนุญาตส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำการ ซื้อขายไฟฟ้าพลังงานกับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง (Direct PPA) และนำเข้าเสนอที่ประชุมกพช. ภายในต้นสัปดาห์หน้า
  • จีนเปิดเผยมีการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 110 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดเทศกาลแข่งเรือมังกร 3 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.3% y-y ทั้งนี้นักท่องเที่ยวในประเทศใช้จ่ายเป็นมูลค่า 4.035 หมื่นล้านหยวน ในช่วง วันหยุดตั้งแต่วันที่ 8-10 มิ.ย.67 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1% y-y

ปัจจัยลบ

  • ครม.เห็นชอบอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จาก 17-43 บาท เป็น 17-45 บาท มองเป็นแรงกดดันต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค (ในทางกลับกันมองเป็น Sentiment ทางบวกต่อ BEM)
  • CNBC รายงานว่าปัจจุบัน EU เรียกเก็บภาษีนำเข้ามาตรฐานสำหรับรถ EV อยู่ที่ 10% แต่มีกำหนดที่จะปรับขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ EV ของจีนเป็นการชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.67
  • ญี่ปุ่นรายงานเมื่อวานนี้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ 977 ราย แซงหน้าปีที่แล้วซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อ 941 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดรายปีนับตั้งแต่มีการรายงานเป็นครั้งแรกในปี 2542

PICKS OF THE DAY

GULF BUY

  • เป้าหมาย 42.00 / 43.00 แนวรับ 39.00
  • โอกาสในไทยมีอีกมาก: สนพ. ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการจัดทำร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (PDP 2024) โดยระบุว่าสัดส่วนกำลังการผลิตจาก Renewable จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ทางฝ่ายมองเป็นบวกจ่อบริษัท เนื่องจากบริษัทได้ร่วมมือกับผู้ผลิตแผงโซลาร์รายใหญ่ ในการจัดหาแผงโซลาร์สำหรับติดตั้งในโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้มีต้นทุนแผงโซลาร์ที่ถูกกว่า ถือเป็นข้อเปรียบเหนือคู่แข่ง
  • แนวโน้ม 2Q67 ดีต่อ: แนวโน้ม 2Q67 ยังมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าหินกองหน่วยที่ 1 และโครงการ GPD หน่วยที่ 3 ช่วยเพิ่มกำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้

TU BUY

  • เป้าหมาย 16.00 / 16.50 แนวรับ 15.00
  • TU ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า: ปัจจุบันค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐฯมีทิศทางอ่อนค่าลงต่อเนื่องเทียบ y-y และ q-q เป็นประโยชน์ต่อบริษัทส่งออก ซึ่ง TU มีรายได้ หลักมาจากการส่งออก สัดส่วนรายได้ในสหรัฐฯและยุโรป 39% และ 29% ตามลำดับ
  • แนวโน้มรายได้เติบโต และยังมี ITC ช่วยเสริม: แนวโน้ม 2Q-3Q67 รายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่องจากเข้าสู่ช่วงการบริโภคของสหรัฐฯและยุโรป ปัจจุบันราคาทูน่าเดือน พ.ค. ปรับตัวขึ้นที่ 1,480 USD/ton (1Q67 1,333 USD/ton) จะทำ GPM ปรับตัวดีขึ้น q-q จากการขายลูกค้า OEM ซึ่งจะอิงราคาขายตามราคาตลาด และจากการใช้ต้นทุนทูน่าเฉลี่ยต่ำลง และยังได้แรงหนุนจาก ITC ที่ฟื้นตัว ซึ่งมีสัดส่วนรายได้กว่า 12% ของรายได้รวม
- Advertisement -