STECH ส่งซิก Q2 ยังไปได้ รัฐเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ชี้ปี 67 ธุรกิจคอนกรีตอัดแรงพุ่ง หนุนรายได้โต 15-20% ตามแผน
“บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต หรือ STECH” ส่งซิกแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดมีการเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา เผยไตรมาส 3-ไตรมาส 4 พีค ได้รับอานิสงส์งานภาครัฐที่กำลังประมูลในขณะนี้ เป็นโอกาสที่ดีของผู้รับเหมาก่อสร้างและผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ชี้ธุรกิจคอนกรีตอัดแรงดีมานด์พุ่ง หลังรัฐอัดฉีดงบประมาณรายจ่ายดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์เดินหน้า ส่งผลบวกต่อ STECH โดยล่าสุดตุน Backlog อยู่ที่ 1,165 ลบ. คาดทยอยรับรู้ปีนี้ และมีงานอยู่ระหว่างติดตามอีก 1,000 ลบ. มีโอกาสได้งานสูงกว่า 50%
นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ได้รับอานิสงส์งานของภาครัฐที่กำลังประมูลในขณะนี้ และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 เป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างและผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโตที่ดี เนื่องจากงบประมาณถูกผลักดันออกมาแล้ว ทำให้มีการเร่งใช้ตั้งแต่งบประมาณปี 2567-2568 ในช่วง 2 ปีนี้ ซึ่ง STECH ได้รับประโยชน์เช่นกัน
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนผลิตภัณฑ์ ต้นทุนงานบริการในการตอกเสาเข็ม การดูแลโครงการอย่างใกล้ชิด ต้นทุนค่าขนส่ง มีการติดตามประสิทธิภาพในการขนส่ง มีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ พร้อมทั้งรักษาฐานลูกค้าเก่า และขยายตลาดไปยังลูกค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มยอดขายงานเสาไฟฟ้าในภูมิภาคต่างๆ และเน้นเรื่องของ ESG อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของ Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1,165 ล้านบาท เป็นงานขายผลิตภัณฑ์คอนกรีตและบริการติดตั้ง จำนวน 1,100 ล้านบาท งานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115kV จำนวน 65 ล้านบาท และมีงานอยู่ระหว่างการติดตามอีกราว 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีไฮไลต์งานโครงการที่กำลังติดตามอีกหลายโครงการ ซึ่งมีทั้งงานภาครัฐและงานภาคเอกชน ที่เริ่มมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานโครงการภาครัฐหลังมีการอนุมัติงบประมาณผ่านสภาฯ มีการเร่งประมูลงาน โครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ซึ่งบริษัทได้ติตตามงานเสาเข็มและงานคานสะพาน ซึ่งเป็นงานใหญ่ โดยงานทางอิสานที่กำลังดำเนินการ STECH ได้รับอานิสงส์เต็มๆ เนื่องจากมีโรงงานอยู่ที่จ.ขอนแก่น และบุรีรัมย์ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นต้น
“สำหรับแผนธุรกิจปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อนและเชื่อว่างบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จะทำให้งานโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศออกมามากขึ้น ส่งผลดีกับ STECH ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงที่จำเป็นสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง สนับสนุนผลงานทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทรงศักดิ์ กล่าว