สัปดาห์นี้รอติดตามปัจจัยการเมือง

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 0.15% รับแรงกดดันจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ลดลงต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม S&P500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 4 วัน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.16% รับแรงกดดันจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯลดลง

Market Outlook

วันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่าอยู่ที่ 65.6 ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 72.1 และลดลงจากครั้งก่อนที่ 69.1 รายละเอียดข้างในพบว่าผู้บริโภคกังวลกับการเร่งตัวของเงินเฟ้อ ประกอบกับมีความกังวลเกี่ยวกับรายได้และสถานะทางการเงิน ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2, 10 ปีปรับขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับการแข็งค่าของ US Dollar โดย CME FED Watch ยังคงประเมินเช่นเดิมว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนด้วยโอกาสราว 61% ดังนั้นปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจที่มีผลกับทิศทางดอกเบี้ยยังคงกระทบกับการลงทุน สัปดาหนี้จึงแนะติดตาม

  1. ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในวันอังคาร Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM และในวันเดียวกันมีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM
  2. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและใบขออนุญาตก่อสร้างในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.35 แสนรายและ 1.45 ล้านใบอนุญาติ

และวันศุกร์ติดตาม ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น ทั้งภาคผลิตและภาคบริการของฝั่ง EU และสหรัฐฯสำหรับสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 51 สำหรับภาคผลิต และ 53.4 สำหรับภาคบริการ ตัวเลข เศรษฐกิจของสหรัฐฯหากรายงานมาแล้วแย่กว่าหรือบ่งชี้ในทางเศรษฐกิจอ่อนแรง จะเป็นปัจจัยหนุนกับตลาดหุ้น

ส่วนปัจจัยในประเทศเน้นหลักที่การเมืองโดยเฉพาะในวันที่ 18 มิถุนายน ประกอบไปด้วยทั้งการพิจารณาคุณสมบัติของการเป็นนายกรัฐมนตรีของคุณเศรษฐาและการยุบพรรคก้าวไกล (ความคืบหน้า) ล่าสุดทางศาลรัฐธรรมนูญได้ยื่นเรื่องกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในการขอหลักฐานเพิ่มเติม ประเมินว่าการดำรงค์ตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีจะมีผลมากกว่าเพราะปัจจุบัน นักลงทุนกำลังต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ อย่างไรก็ตาม SET INDEX ก็ปรับฐานลงมาแล้วกว่า 5.2% ก็เชื่อว่า Price In ปัจจัยด้านการเมืองไปพอสมควรแล้ว และหากศาลตัดสินให้การดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของคุณเศรษฐาดำเนินต่อไปได้ คาดตลาดจะตอบรับเชิงบวกแต่หากต้องพ้นตำแหน่งเชื่อว่า Downside จะเริ่มจำกัดและอาจเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับฐานรอบสุดท้าย (รับรู้ข่าวร้ายหมดแล้ว)

สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1280 – 1320 เชิงกลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิมเพราะมองการฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง เน้นที่กลุ่มค้าปลีก (CPALL CRC DOHOME GLOBAL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ขนส่ง (BEM)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 79.00 บาท)

คาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q24 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 27.4% ใน 1Q24 จาก 26.7% ใน 1Q23 และ 26.8% ใน 4Q23 หนุนจาก 1) อัตรากำไรกลุ่มสินค้าอาหารที่แข็งแกร่งเป็น 27.1% ใน 1Q24 จาก 26.4% ใน 1Q23 และ 26.4% ใน 4Q23 ผลจากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานที่เพิ่มขึ้น พร้อมต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงทำให้ CPRAM มีแนวโน้มอัตรากำไรดีขึ้น

BEM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท)

สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความชัดเจนมากขึ้นหลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง โดยคาดว่าจะเช็นสัญญาได้ช่วงปลายปีนี้ เราประเมินสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.5 บาท/หุ้น นอกจากนี้เราคาดกำไร 2Q24 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ ตามจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

- Advertisement -