เราคาดกรอบ SET วันนี้ 1270-1310 จุด ระมัดระวังความผันผวนสูงในวันนี้ หลังศาลรธน.ตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลและคุณเศรษฐา

  • เราคาดกรอบ SET วันนี้ 1270-1310 จุด ระมัดระวังความผันผวนสูงในวันนี้หลังศาลรธน.ตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลและคุณเศรษฐา
  • กลยุทธ์การลงทุนช่วงปัจจุบันเน้นหุ้น Mid-Small cap / Earnings 2Q, 2H24 แข็งแกร่ง รวมถึงหุ้น Global play (Exports / Commodities) และ Defensive play (ICT, Hospital)
    เราแนะนำ KLINIQ ITC ADVANC สำหรับธีมการลงทุนดังกล่าว
  • โดยหากนับตั้งแต่เปิดปี หุ้นไทยติดลบกว่า 8% และ นักลงทุนต่างชาติขายแล้วเกือบ 1 แสนลบ. ในครึ่งปีแรก
    แบ่งตามขนาด : SET (-7.7%YTD), SET50 (-7.6%), mai (-13.5%) ในขณะที่ sSET (-5.8%) แบ่งตามอุตสาหกรรม : CONMAT (-18.8%), AUTO (-21.6%) ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราเรื่องคดีสำคัญทางการเมืองสามคดีที่สะเทือนตลาดหุ้นไทย: คดีนายทักษิณ ผิดมาตรา 112, คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา และคดียุบพรรคก้าวไกล
  • สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจติตตาม 1) ตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐ (+0.3% mom) และ ยอดการผลิตอุตสาหกรรม (+0.4% mom) 2) เงินเฟ้อยุโรป
  • อีกประเด็น เมื่อวานตลท.มีการประกาศดัชนี SET50/ SET50FF มีหลักทรัพย์เข้า-ออก ดังนี้
    เข้าใหม่ 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย BCP BJC ITC TIDLOR หุ้นที่ออก 4 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย BANPU COM7 KCE SAWAD
  • ส่วน ดัชนี SET100/ SET100FF มีหลักทรัพย์เข้า-ออก ดังนี้ เข้าใหม่ 9 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย
    BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH และ หุ้นที่ออก 9 หลักทรัพย์ประกอบด้วย
    AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN
หุ้นแนะนำ
  • ITC
    • หลีกเลี่ยงกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ / ค้าปลีก / อสังหาริมทรัพย์ / ท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic play) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง และ แนะนำหุ้นส่งออก, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ (Global play) โดย ตลาดคาดการณ์ภาพรวมกำไร 2Q24 เติบโตต่อเนื่องจากยอดส่งออกรายเดือนของอาหารสุนัขและแมวรายงานโดยกระทรวงพาณิชย์รวมถึงเงินบาทอ่อนค่า / เก็งประเด็นเข้า SET50
      (Take profit : 23.50 / Stop loss : 22.20 )
  • KLINIQ
    • KLINIQ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาในประเทศไทยเป็น 100-120 สาขาภายในสิ้นปี 2027 จาก 65 สาขา ณ สิ้น 1Q24 ด้วยการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาด mass และจากการนำเสนอบริการเพิ่ม
      เราคาดว่า KLINIQ จะมี EPS เติบโตเฉลี่ย 20% CAGR ในปี FY23-26 และ แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 58 บาท เท่ากับ P/E 29.4x ในปี FY25 หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม
    • (Take profit : 43.25 / Stop loss : 40.50)

Daily Global Market | 18 มิถุนายน 2024

In News:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับนิวไฮ แม้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะปรับตัวสูงขึ้น จากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งต่อเนื่อง ท่ามกลางถ้อยแถลงของ FED และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
  • ประธานธนาคาร FED สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เขาคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวหากเศรษฐกิจเดินหน้าไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันน่าจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อลงและป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
  • นอกจากนี้ จะมีประธาน FED จากหลายสาขา รวมถึงสาขานิวยอร์ก มินนิแอโปลิส ซานฟรานซิสโก และริชมอนด์ ออกถ้อยแถลงในสัปดาห์นี้
  • นักลงทุนจับตามองข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง และดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการจาก S&P Global
  • หอการค้าเยอรมนีในจีนกล่าวว่า สหภาพยุโรปควรมุ่งลงทุนเพื่อขีดความสามารถการแข่งขัน แทนการขึ้นภาษีนำเข้า EV ที่ผลิตในจีน คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่า มีแนวโน้มที่เยอรมนีจะยกเลิกหรือผ่อนคลายข้อจำกัดการค้า
  • นักลงทุนจับตามองการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดี มีคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่า ธนาคารจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% โดย Reuters คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม
  • อัตราเงินเฟ้อของอิตาลีขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคม โดยดัชนี CPI ขยับบวก 0.2% MoM และ 0.8% YoY
  • ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานญี่ปุ่นประจำเดือนเมษายนขยับตัวลง 2.9% MoM หดตัวลงครั้งแรกรอบ 3 เดือน แต่น้อยกว่าที่ Reuters คาดว่า จะขยับลดลง 3.1% หากพิจารณารายปี ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานขยับบวก 0.7% YoY
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) วานนี้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีที่ 2.50% ตามคาดการณ์นักวิเคราะห์ โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน นอกจากนี้ มีรายงานว่า PBOC ได้ถอนสภาพคล่องจากระดับธนาคารทั้งสิ้น Rmb 55 bn. เพื่อเลี่ยงภาวะสภาพคล่องสูงเกินไป
  • ยอดค้าปลีกจีนประจำเดือนพฤษภาคมดีกว่าที่เคยคาดการณ์ โดยไต่ขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และดีกว่าที่ Reuters คาดการณ์ว่า จะปรับบวก 3%
  • การผลิตอุตสาหกรรมจีนไม่เป็นไปตามที่ Reuters คาดการณ์ โดยโตขึ้น 5.6% YoY เทียบกับการคาดการณ์ว่า จะปรับขึ้น 6%
  • ราคาบ้านใหม่จีนประจำเดือนพฤษภาคมปรับตัวลง 0.7% MoM หลังปรับลดเดือนก่อนหน้า 0.6% และร่วงลง 3.9% YoY หลังลดลง 3.1% ในเดือนเมษายน แม้รัฐบาลจีนออกมาตรการพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการจัดหาเงิน Rmb 300 bn. เพื่อแก้ปัญหาบ้านค้างสต็อก ลดจำนวนค่าดาวน์บ้าน และผ่อนคลายกฎการกู้จำนอง
  • ท่าอากาศยานฮ่องกงกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (HKIA) ไม่ใช่จำนวนผู้โดยสารที่ลดลง แต่เป็นจำนวนเที่ยวบินที่น้อยลง ความจุผู้โดยสารสายการบินปัจจุบันอยู่ที่ 80% ของระดับก่อนเกิดโรคระบาด ทำให้ไม่สามารถรองรับผู้โดยสารจากจีนที่ต้องการทรานซิสต์ผ่านฮ่องกงได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ คาดว่า ความจุผู้โดยสารจะกลับมาเต็มที่อีกครั้งในปีหน้า

Stock Movement

  • หุ้นนำโดย Amazon. com Inc. (AMZN ND, +0.22%), Microsoft Corporation (MSFT ND, +1.31%) และ Apple Inc. (AAPL ND, +1.97%) ปรับตัวบวก ช่วงส่งแรงหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะหุ้น Apple ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าบริษัทแตะที่ USD 3.32 tr. ซึ่งขยับเข้าใกล้ Microsoft ที่มีมูลค่า USD 3.33 tr. ซึ่งครองตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
  • หุ้น Autodesk Inc. (ADSK ND) พุ่งขึ้น 6.48% หลังจากมีรายงานว่ากองทุน Starboard Value เข้าซื้อหุ้นมูลค่าประมาณ USD 500 m. และกำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท
  • หุ้น Best Buy Co. Inc. (BBY NYSE) ปิดขึ้น 4.61% หลังจากที่ UBS ปรับเพิ่มเรตติ้งหุ้นสู่ระดับ Buy จาก Neutral โดยมองว่า บริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้
  • หุ้น SSP Group Plc. (SSPG LON) ร่วงลง 2.02% หลังจากที่ Goldman Sachs ปรับลดเรตติ้งหุ้นของผู้ประกอบการเครือร้านอาหารในสนามบินจาก Neutral สู่ Sell
  • หุ้น Kingfisher Plc. (KGF LON) ร่วงลง 1.13% บริษัทปรับปรุงบ้านในยุโรปแต่งตั้ง นาย Bhavesh Mistry จาก British Land เป็น CFO คนต่อไป
  • หุ้น Topdanmark A/S (TOP CPH) กระโดดขึ้น 22.24% หลังจากที่ Sampo Oyj (SAMPO HEL, -1.22%) ตกลงที่จะเข้าซื้อคู่แข่งสัญชาติเดนมาร์กในข้อตกลงมูลค่ารวม USD 4.73 bn.
  • หุ้น ING Groep NV (INGA AMS) ขยับขึ้น 2.84% ธนาคารผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดสัญชาติเนเธอร์แลนด์หากพิจารณาตามทรัพย์สินให้คาดการณ์การเติบโตของรายได้รวมที่ระดับระหว่าง 4% – 5% ต่อปีช่วงปี 2024 – 2027
  • หุ้น China Communications Constructions Company Limited (1800 HK) ปรับตัวลง 0.62% แม้ UBS จะคาดว่า บริษัทจะได้ประโยชน์จากการขยายกิจการไปต่างประเทศและฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น พร้อมปรับเพิ่มคาดกำไรบริษัทช่วง FY2024 – FY2026 ขึ้นราว 5% – 12% สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดช่วง FY2023 และความเห็นเชิงบวกของแนวโน้ม FY2024
  • หุ้น Li Auto Inc. (2015 HK) ขยับตัวลง 0.47% JP Morgan ให้เรตติ้งหุ้นที่ Neutral และ ราคาเป้าหมายที่ HKD 82 โดยมองว่า ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า รวมทั้งยังเผื่อถึงปัจจัยลบด้านยอดขายและกำไร อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปสู่ BEVล่าสุด อาจประสบปัญหาเนื่องจากตลาด BEV มีการแข่งขันที่รุนแรง
  • หุ้น Capricorn Metal Ltd. (CMM ASX) ปรับบวก 4.48% Bell Potter ให้เรตติ้งหุ้นที่ Buy และตั้งราคาเป้าหมายที่ AUD 6.53 โดยกล่าวว่า Capricorn Metal เป็นบริษัทผลิตทองคำชั้นนำมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทีมผู้บริหารที่มีประวัติการทำงานที่ยอดเยี่ยม รวมถึงแผนการขยายการผลิตภายในองค์กรที่ชัดเจนเพื่อเพิ่มผลผลิตของกลุ่มสู่ระดับ 270 k. ออนซ์ต่อปี
  • หุ้น Tabcorp Holdings Ltd. (TAH ASX) ขยับตัวขึ้น 0.76% บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับการพนันแต่งตั้งผู้นำ Australian Football League (AFL) นาย Gillon McLachlan เป็น CEO และ MD การแต่งตั้งดังกล่าวเกิดขึ้นหลายเดือนหลังจากที่นาย Adam Rytenskild ผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อนลาออกเนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ใช้วาจาไม่สุภาพและไม่เหมาะสมในที่ทำงาน ขณะที่เขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ท่ามกลางแรงกดดันด้านการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น
Sources: aastocks, briefing, businesstimes, cnbc, investing, japantoday, nasdaq, ryt9, thestandard
- Advertisement -