ภูเก็ตคึก! ออริจิ้น โกยยอดขายคอนโดใหม่ “โซ ออริจิ้น บางเทา บีช” ทะลุ 80% ตลาดลูกค้าไทย-ต่างชาติ หนุนแบ็คล็อกในภูเก็ตสะสมกว่า 4,000 ล้าน
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI กวาดยอดขายคอนโดเปิดใหม่ Q1/2567 “โซ ออริจิ้น บางเทา บีช” ทะลุ 80% หลังตลาดอสังหาฯในภูเก็ตขยายตัวต่อเนื่อง ไทย-ต่างชาติมองภูเก็ต “Top Destination” เปิดโครงการในภูเก็ตสะสม 3 โครงการ 5,150 ล้าน พร้อมตุนแบ็คล็อกแล้วกว่า 4,000 ล้าน จับมือเอเจนท์นานาชาติ เดินเครื่องกลยุทธ์เจาะตลาดทั้งลูกค้าอยู่อาศัยเอง ลูกค้าลงทุน ลูกค้าต่างชาติ ต่อเนื่อง
นายกฤษณ์ เตชะสัมมา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทสามารถกวาดยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม โซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach) โครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2567 มียอดขายสะสมแล้วถึง 80%
“เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลางรายแรกๆ ที่เข้าสำรวจตลาดและทำเลต่างๆ ในภูเก็ตมาตั้งแต่ปี 2565 ส่งผลให้เราเข้าใจสภาพความต้องการของลูกค้าและความเปลี่ยนแปลงของตลาดในภูเก็ต ณ ปัจจุบัน ได้ที่ดินทำเลที่ยอดเยี่ยม ใกล้หาด เดินทางไปจุดต่างๆ สะดวก และมีเวลาในการพัฒนาคอนเซ็ปต์โครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนทำให้เราได้รับกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม” นายกฤษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงหลังสถานการณ์ COVID-19 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีความคึกคักเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากภูเก็ตถือเป็นทำเลท่องเที่ยวและทำเลตากอากาศระดับท็อปของทั้งประเทศและของโลก เป็นทำเลที่มีความต้องการซื้อขยายตัวทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ยังคงมองภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญทั้งเพื่อการพักตากอากาศและการอยู่อาศัยระยะยาว
นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ตสะสมแล้ว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,150 ล้านบาท ได้แก่ 1.ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket) โครงการใจกลางเมืองภูเก็ตที่สามารถปิดการขายได้ภายใน 6 สัปดาห์ 2.ดิ ออริจิ้น กะทู้-ป่าตอง (The Origin Kathu-Patong) โครงการใหม่ในแถบกะทู้ และ 3.โซ ออริจิ้น บางเทา บีช (SO Origin Bangtao Beach) โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) จากทั้ง 3 โครงการแล้วรวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในภูเก็ตของบริษัท ยังคงเดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้เมื่อต้นปี 2567 โดยกลยุทธ์สำคัญของบริษัทในภูเก็ต คือ การพัฒนาฟังก์ชันและนวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้าทุกตลาดทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าเพื่ออยู่อาศัยเอง ลูกค้าลงทุนระยะยาว ตลอดจนลูกค้าต่างชาติ อาทิ การบริหารจัดการโดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมบริการแม่บ้านทำความสะอาด อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนระยะยาว ไม่ต้องหาผู้เช่าหรือจัดการเอง นอกจากนี้ บริษัทยังจับมือพันธมิตรเอเจนท์หลากหลายสัญชาติเพื่อให้โครงการมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้มากขึ้นด้วย
“ตลาดภูเก็ตยังเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ผู้ซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ ผู้ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งมีอัตราการดูดซับที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดทั้งประเทศ เราจึงมั่นใจว่าการเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ของเราในภูเก็ตจะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง” นายกฤษณ์ กล่าว
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 158 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2567) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 247,795 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร