KS Daily View 26.06.2024 >>> หุ้นไทยฟื้นต่อ หลังผ่านจุดต่ำสุด ค่อยๆยกโลว์ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1,310 – 1,330 จุด แนะนำ GULF, MTC
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้:
ประเมินดัชนีวันนี้ฟื้นตัวต่อ โดยคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,310-1,330 จุด มองภาพใหญ่ยังคงเป็น theme bottoming out หรือทิศทางดัชนีผ่านจุดต่ำสุด คล้องกันไปกับภาพเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเร่งขึ้นตั้งแต่ 2Q24 เป็นต้นไป มองดัชนีค่อยๆยก low หรือยกแนวรับขึ้น จากเดิม 1,280 ขึ้นมาเป็น 1,300 และ วันนี้มอง 1,310 เป็นแนวรับใหม่ที่เดิมเคยเป็นแนวต้านเก่า ความเสี่ยงประเด็นการเมืองระยะสั้นดูลดระดับความกังวล ขณะที่ด้านปัจจัยหนุนคือ 1.)แนวโน้มกระแสเงินซื้อกลับเพื่อลดหรือปิดสถานะขายชอร์ตซึ่งช่วยหนุนการฟื้นตัวของดัชนีตลาด และ 2.) กระทรวงการคลังเตรียมแก้เกณฑ์ลงทุนในกอง Thai ESG เพื่อกระตุ้นตลาด เปรียบเสมือน Green LTF เดิม แต่มีขยายวงเงินลดหยอนลงทุนสูงสุดเป็น 300,000 บาท และปรับระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมองเป็นเกณฑ์ที่น่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ดีเชื่อเม็ดเงินน่าจะเข้ามาชัดในตลาดในช่วงปลายปี นอกจากนี้ในระยะสั้นยังมีแนวโน้มที่ภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาเพิ่มเติมอีกซึ่งมองเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนตลาด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.ช่วงข้ามคืนดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงแรง ในขณะที่ Nasdaq และ S&P 500 ปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้น Nvidia ที่ฟื้นตัวหลังปรับตัวลงแรง 3 วันติด นักลงทุนกำลังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะดัชนี PCE ซึ่งเป็นตัววัดเงินเฟ้อที่สำคัญ
2.ครม. มีมติร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลธรรมดาสามารถขอรับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองหรือใช้ นำเข้า ส่งออก หรือผ่านซึ่งยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่มียูเรเนียม 235 ต่ำกว่า 0.5% ลงมาโดยน้ำหนัก และมีปริมาณตั้งแต่ 20 ตันขึ้นไป เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาสามารถนำวัสดุนิวเคลียร์ดังกล่าวมาใช้ในการประกอบธุรกิจ ที่อาจเป็นการเปิดทางให้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียในไทย
3.กกพ. ได้เปิดเผยว่าการตึงราคาค่าไฟงวดปลายปีอาจต้องติดตามสถานการณ์ราคาก๊าซ LNG นำเข้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ $US 12/MMBtu ขณะที่ค่าไฟงวดปัจจุบัน (พฤษภาคม-สิงหาคม 2567) อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย โดยมองว่าหากราคาก๊าซยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องอาจส่งผลให้มีการปรับค่าไฟขึ้น
4.นายกรัฐมนตรีและ กพช. ได้มีมติอนุมัติ โครงการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านบุคคลที่สามเพื่อสนับสนุนโครงการ data center ในปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ มองเป็น sentiment บวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้าและนิคมอุตสาหกรรม
5.ครม. ได้มีมติอนุมัติโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาท/ไร่ และไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 29,980 ล้านบาท โดยมองเป็นบวกกับ consumer staple และ finance ที่ส่งผลให้เกษตรกรมีกำลังซื้อมากขึ้นที่ตุ้นทุนของปุ๋ยคิดเป็นประมาณ 40% ของตุ้นทุนการผลิต
6.กทพ. ได้เห็นชอบให้ ITD เป็นผู้ชนะที่ให้ราคาต่ำที่สุดหลังการประมูลโครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยายช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา ที่มีระยะทาง 16.2 กม. ผ่านทางการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding)
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
GULF: ราคาพื้นฐานที่ 55.5 บาท
มองได้ sentiment บวกหลังบริษัทจับมือร่วมลงทุนในธุรกิจ cloud กับบริษัทระดับโลกอย่าง Google เพื่อให้บริการสำหรับลูกค้า corporate ในไทย โดยเน้นข้อมูลที่ security สูงและเก็บข้อมูลในประเทศ เป็น storage และ IT service โดยคาดว่าน่าจะ launch จริงช่วงกลางปี 2025 โดยการร่วมมือกับ Google จะช่วยทำให้ demand ของ data center ที่กำลังสร้างเต็มเร็วขึ้นด้วย อีกทั้งมอง direct PPA ช่วยหนุนธุรกิจ data center ในระยะกลาง-ยาว ซึ่ง GULF น่าจะได้ประโยชน์ทั้งธุรกิจ data center เอง แล้วมีโอกาสขายไฟฟ้าสะอาดผ่าน direct PPA ส่วนด้านพื้นฐานคาด earnings momentum เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY ใน Q2/24 และ ภาพ FY24 กำไรโตสูงกว่า 20%
MTC: ราคาพื้นฐาน 52.0 บาท
มองหุ้น MTC ได้ sentiment บวกจาก bond yield ที่มีการปรับตัวลง กอปรกับได้อานิสงค์บวกจากการที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรมากที่สุด ซึ่งเรามองบริษัทจะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐหรือราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานเราประเมินกำไร 2Q24 เติบโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จากการพอร์ตสินเชื่อที่โตต่อ การคุม cost to income ที่ทำได้ดี และการจัดการ Asset quality ที่ถือว่าเหนือกว่ากลุ่ม
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐ (New home sale) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.5% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -4.7% MoM
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐอย่าง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.0% MoM ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.6% MoM ต่อด้วยการรายงานของ GDP ใน 1Q24 ของสหรัฐครั้งสุดท้าย ตลาดคาดการณ์ที่ +1.5% QoQ เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +1.3% QoQ และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดคาดที่ 2.35 แสนตำแหน่งชะลอตัวจากสัปดาห์ก่อนที่ 2.38 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขส่งออกของไทยเดือน พ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +5.8% YoY และ ตัวเลขนำเข้าเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +6.4% YoY ในส่วนของสหรัฐติดตาม ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE price index) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.8% YoY ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.4% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.3% MoM และปิดท้ายด้วย ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน พ.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.2% MoM