รอเรื่องดีดี (ดีเบต) และ US PCE /  1,305-1,320

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัวออกข้าง: ท่ามกลางปัจจัยใหม่ที่มีค่อนข้างจำกัด มองระหว่างวันตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเพื่อรอพัฒนาการจากปัจจัยใหม่ นำโดย 1) การดีเบตระหว่างสองว่าที่ปธน.สหรัฐฯ คือ นายโจ ไบเดน และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเป็นที่จับตาว่านายโจ ไบเดน ในวัย 81 ปี จะยังสามารถครองความนิยมจากชาวอเมริกันได้หรือไม่ สถิติย้อนหลังชี้ค่าเงินดอลลาร์มักอิงทางแข็งค่าในช่วงที่ ปธน. มาจากพรรคเดโมแครต การดีเบตในครั้งนี้หากนายโจ ไบเดนยังครองความนิยมอยู่ จึงอาจเป็นไปได้ที่จะส่งผลให้บาทอ่อนค่า โดยเปรียบเทียบ เป็นบวกต่อหุ้นส่งออกและบาทอ่อน 2) ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดหลัง GDP ใน 1Q24 ออกมาที่ 1.4%q-q สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.3%q-q แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ 3.4%q-q ขณะที่ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนออกมาเป็นบวก 0.1%m-m สวนกับคาดการณ์ที่มองจะออกมาที่ -0.5% เป็นการยืนในแดนบวกได้ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนภาพการขยายตัวต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ออกมาที่ 2.33 แสนตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.36 แสนตำแหน่ง โดยเป็นการเดินหน้าลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมชี้นำทิศทางบวก ตลาดอาจเริ่มกังวลถึงทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ตัวเลข PCE เดือนพ.ค.ที่จะประกาศในคืนนี้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมากในสายตานักลงทุน หากออกมาตามคาด (ลดลงจาก 2.8%y-y สู่ 2.6%y-y) จะช่วยสร้างความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ในช่วงท้ายตลาดมองอาจมีแรงเข้าซื้อในหุ้นที่มี % หุ้นชอร์ตใน Local+NVDR ต่อหุ้นที่ชำระแล้วสูงเพื่อปิดสถานะบางส่วนก่อนถึงวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎ Uptick Rule เข้ามาแทนที่กฎเดิม คือ Zero Plus Tick อาจช่วยหนุนตลาดได้บางส่วน
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) Uptick : HANA, TOP, BEM, KCE, SPRC 2) Data Center : ADVANC, BGRIM, INSET, ITEL, SYMC 3) บาทอ่อน : SAPPE, ITC, AAI, TU, MALEE, COCOCO 4) Driving Season: PTTEP, 5) SET50/100: BA, CKP และ 6) Selective : BCH, BDMS

ปัจจัยบวก

  • จีนเตรียมจัดประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ 15-18 ก.ค. ตลาดคาดจะมีการเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจเพื่อพาจีนออกจากวิกฤติการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และปัญหาในภาคอสังหา
  • FETCO เตรียมเข้าพบ รมว.คลัง เพื่อหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแกณฑ์ใหม่ของกองทุน SSF ก่อนจะหมดอายุในปีนี้ คาดดึงเม็ดเงินเข้าระบบ ต่อเนื่องผ่านผู้มีความต้องการออม
  • รมว.คลังเผยในเร็วๆ นี้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์มาเพิ่มเติม โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน
  • ประธาน กบง. สั่งตรึงราคา LPG ที่ 423 บาท/ถัง 3 เดือน มีผล 1
    กรกฎาคม-30 กันยายน 2567

ปัจจัยลบ

  • โตโยต้า เผยยอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าในเดือนพ.ค. 2567 ลดลง 4.1%y-y ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 หลังเผชิญสงครามราคาจากบริษัทยานยนต์จีน
  • กกต. ขยับไทม์ไลน์เลื่อนรับรอง สว.ชุดใหม่ เป็น 3 ก.ค.67 หลังมีผู้ร้องเรียนปมคุณสมบัติผู้สมัคร สว. ไม่ตรงปกมากสุดถึง 65 % จาก ทั้งหมด 614 เรื่อง
  • อิสราเอลขู่ถล่ม ‘เลบานอน’ ให้พินาศกลับไปเหมือน ‘ยุคหิน’ หากเกิดสงครามกับ ‘ฮิซบอลเลาะห์’
  • EU เผยตัวเลข Industrial Sentiment เดือน มิ.ย. ออกมาที่ -10.1 จุด โดยเดินหน้าติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16
  • กระทรวงการคลังชี้เศรษฐกิจใน-นอกประเทศ ยังไม่ฟื้นตัว กระทบต่อการลงทุนภาคเอกชน หลังกำลังซื้อหด “สินค้าคงทน” ขายไม่ออกหมวดสินค้าก่อสร้างยอดขายลดลง ส่วนสินค้าเกษตร-ท่องเที่ยว ยังโตต่อเนื่องได้ดี

PICKS OF THE DAY

ADVANC BUY

  • เป้าหมาย 215.00 / 220.00 แนวรับ 205.00
  • 2Q67 คาดรายได้โต y-y: ทางฝ่ายคาดรายได้เติบโตแบบ y-y จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น y-y ซึ่งช่วยเสริมรายได้กลุ่มลูกค้า Pre-paid สำหรับลูกค้ากลุ่ม Post-paid และ Fixed Broadband คาดจะได้ประโยชน์จากการ Cross Sale หลังการควบรวม ซึ่งช่วยเพิ่ม Subscriber ให้สูงขึ้นในอนาคต
  • Data Center: จากการร่วมมือในหลายบริษัท ได้แก่ ADVANC, GULF และ Sintel ในการสร้างศูนย์ Data Center ที่มีความชัดจเนมากขึ้น ทำให้ทางฝ่ายมองบวกต่อผู้ให้บริการสัญญาณอินเตอร์อย่าง ADVANC  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างสำคัญในการทำ Data Center ในประเทศไทย

ITC BUY

  • เป้าหมาย 24.50 / 25.00 แนวรับ 23.00
  • ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า: ปัจจุบันค่าเงินบาทเทียบกับยูโรและดอลลาร์สหรัฐฯมีทิศทางอ่อนค่าลงเทียบ y-y และ q-q เป็นประโยชน์ต่อบริษัทส่งออก ซึ่ง ITC มีรายได้หลักมาจากการส่งออก สัดส่วนรายได้ในสหรัฐฯและยุโรป 45% และ 19% ตามลำดับ
  • เลือกหุ้นเติบโตจะเล่นไปกับบาทอ่อนและตีมส่งออกได้ดี: แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q67 ของ ITC ยังเติบโต y-y ได้ดี จากด้านปริมาณการขายที่จะเติบโตขึ้นไปทีละไตรมาส จากการปรับแผนสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่ทางฝั่งสหรัฐฯที่จะเร่งตัวขึ้น และภาพรวมปีนี้จะมีกำไรเติบโต y-y ได้ดี ทำให้เป็น 1 หุ้นที่น่า สนใจในปีนี้ ทำให้ราคาหุ้นตอบสนองไปกับตีมส่งออกและบาทอ่อนค่าได้ดี
- Advertisement -