ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสูงขึ้น

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.13% ส่วนดัชนี Nasdag ปิดบวก 0.8% ได้แรงหนุนจากหุ้น Technology โดยนักลงทุนรอติดตามตัวเลขจ้างงานในสัปดาห์นี้ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 2.26% ขานรับความหวังว่าฤดูกาลขับรถในสหรัฐฯจะเป็นตัวหนุนอุปสงค์

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานดัชนี PMI จากสถาบัน ISM ฝั่งผลิตพบว่าแย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ พร้อมกับรายงานการใช้จ่ายฝั่งก่อสร้างก็พบว่าต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์เช่นกัน ภาพรวมคล้ายว่านักลงทุนกำลังกลับมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนผ่านการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 และ 30 ปีปรับขึ้น แต่สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีทรงตัว สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนจากการย้ายเงินระยะยาวออกมาพักไว้ในระยะสั้น ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทน 10 ปี กับ 2 ปี ปรับขึ้นเด่น ล่าสุดอยู่ส่วนต่างอยู่ที่ -0.3% ข้อมูลในอดีตชี้ว่าช่วงเวลาที่ส่วนต่างปรับขึ้นเกินกว่าระดับ 0 มักเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งก็เริ่มมีสัญญาณจากการรายงานดัชนี PMI ที่ต่ำกว่าระดับ 50 ข้อมูลจาก CME FED Watch ล่าสุดค่อยๆ ปรับเพิ่มน้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% ด้วยโอกาส 60% ในการประชุมเดือนกันยายน คืนนี้รอติดตามตัวเลขตำแหน่งเปิดรับสมัครงานของสหรัฐฯ (Job Opening) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 7.96 ล้านตำแหน่ง หากเป็นเช่นนั้นจริงจะถือว่าต่ำกว่า 8 ล้านตำแหน่งครั้งแรกในรอบ 3 ปี และยิ่งเป็นปัจจัยตอกย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีปัญหา

ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้เป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ใช้ Uptick Rule ภาพรวมพบว่ามูลค่าการซื้อขายปิดตลาดเหลือเพียง 2.97 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยมูลค่า Short Sale วานนี้ลงมาเหลือเพียง 1.2 พันล้านบาท หากเทียบกับเดือน มิ.ย. พบว่าเฉลี่ยมูลค่า Short Sale ต่อวันจะอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท พร้อมกับการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ราว 337 ล้านบาท นับเป็นการซื้อสุทธิครั้งแรกในรอบ 1 เดือน พร้อมกับการปิดลบของดัชนีเล็กน้อยราว (-0.12%) อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของดัชนีก็สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดภูมิภาค

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1295 – 1310 เชิงกลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำทยอยสะสมเช่นเดิม เพราะยังมองถึงการฟื้นตัวช่วงถัดไปจากการที่เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CRC DOHOME GLOBAL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 68 บาท)

ปรับมูลค่าเหมาะสมมาอยู่ที่ 68 บาท (40XPER’25E) เพราะมีการปรับกำไรสุทธิในปี 25 ลง 9% เพื่อสะท้อนถึงการขอคืนพื้นที่จากทาง King Power ที่ทำให้รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามในระยะยาวเรายังมองว่าด้วยการท่องเที่ยวที่ยังฟื้นตัว และแผนการขยายสนามบินของ AOT ที่จะช่วยให้สายการบินต่างๆ มีโอกาสเพิ่มเที่ยวบินได้มากขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการช่วง FY3Q24 เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิ 4,614 ล้านบาท (+46%YoY, -20%QoQ) โดยมีจำนวนผู้โดยสารจำนวน 28.9 ล้านคน (+16%YoY, -11%QoQ) และมีจำนวนเที่ยวบิน 181,473 เที่ยวบิน (+13%YoY,-6%QoQ)

TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท)

TIDLOR มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้ายังต่ำกว่าเพดานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเรามองว่าจะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) เริ่มทรงตัวได้มากขึ้นใน 2H24

- Advertisement -