Daily Focus: Selective Play

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบก่อนปิดลบ 1.61 จุด ที่ระดับ 1,299.35 จุด โดยมูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือเพียง 3 หมื่นลบ. หลังมาตรการ Uptick เริ่มมีผลบังคับใช้สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกบางๆ 230 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 338 ลบ. หลังจากขายติดต่อกัน 27 วันทำการรวม 5.2 หมื่นลบ. (และพลิกมา Long Index Futures เล็กน้อย 2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways บริเวณ 1,300+- จุด โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาหนุน ปัจจัยต่างประเทศตลาดยังคงทยอยให้น้ำหนักมากขึ้นกับโอกาสที่ทรัมป์จะชนะเลือกตั้ง และกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯอายุ 10 ปียังดีดตัวขึ้นต่อแตะระดับ 4.46% สูงสุดในรอบกว่า 1เดือน และ Yield Curve ยังคงทำภาพ Bear Steepening กดดันบรรยากาศการลงทุน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจจีนแม้ Caixin Manufacturing PMI จะออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดยังคาดหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกินเพิ่มเติม ด้านปัจจัยในประเทศยังคงถูก Overhang จากคดีการเมืองใหญ่  โดยล่าสุดประธานศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าจะมีคำวินิจฉัยภายในเดือน ก.ย. ซึ่งเรามองว่าค่อนข้างช้ากว่าที่ประเมินว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ค.-ส.ค. ทำให้หุ้น Domestic Play ยังฟื้นตัวได้จำกัด ส่วนระยะสั้นคาดกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำจะช่วยประคองตลาดจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด Brent ยืนเหนือระดับ US$86 ต่อบาร์เรล

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ค.: CPF, DOHOME, PHG, SAPPE, TTA

FSSIA Portfolio: AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่น Finansia 2 ก.ค. 24 : CBG 

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 81 บาท
  • เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 696 ลบ. +11% q-q, +45% y-y เป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส หนุนจากรายได้ที่คาดฟิ้นตัวโดยเฉพาะรายได้ในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเครื่องดื่มชูกำลังมี Market Share เพิ่มขึ้นเป็น 24% 2QTD ชดเชยตลาดต่างประเทศที่ทรงตัวและขณะที่ธุรกิจเบียร์ที่ยังเติบโตไม่ได้ตามคาด
  • เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2H24 จะเติบโตได้บางๆ h-h แม้ต้นทุนอลูมิเนียมจะขยับขึ้นตามราคาตลาด แต่คาดหวังรายได้จะยังเร่งตัวขึ้นได้จาก Sales Promotion และยอดคำสั่งซื้อสุราข้าวหอมที่แข็งแกร่ง เรายังคาดกำไรปี 2024 ที่ 2.7 พันลบ. +40% y-y
  • แนวรับ 66//64.50 บาท แนวต้าน 68//70//72 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$368 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$320 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลออกบางๆ US$39 ล้าน อย่างไรก็ตามในฝั่งอาเซียนเริ่มมีทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น เม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียและไทยได้บ้างประเทศละ US$9-11 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลออก US$31 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานโดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ชัดเจน

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) AP คอนโดใหม่ Life Charoennakhon-Sathorn ที่เปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับดี ทำ Take-up rate 40% จากมูลค่าโครงการ 2.5 พันลบ. ด้วยจุดเด่นด้านทำเลศักยภาพพร้อมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สัดส่วนลูกค้าหลักเป็นชาวไทย 80% เราคงคาดว่ายอด Presales จบ 2Q24 โต +50% q-q, +15% y-y แตะ 1.45 หมื่นลบ. สำหรับกำไร 2Q24 คงคาดเร่งขึ้น q-q อยู่ระดับที่ดี 1.2 พันลบ. +22% q-q, -20% y-y ผลักดันจากการเริ่มโอน 2 คอนโดใหม่ ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท Valuation ถูก เทรด PE 2024 เพียง 4.1X และคาดให้ปันผล 8.8% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) SCGP เข้าลงทุน 146 ลบ. ซื้อหุ้น 90% ในบริษัท VEM-TH (ประเทศไทย) ผู้ผลิตชิ้นส่วนสมรรถนะสูงจากการฉีดชื้นรูปโพลิเมอร์ โดย VEM-TH ปี 2023 มีรายได้ 302 ลบ. คิดเป็น 0.2% ของรายได้รวมของ SCGP และมี EBITDA margin 14-15% ใกล้เคียงกับ SCGP แม้ EBITDA ที่จะส่งมาให้ SCGP ได้ไม่มากในระยะสั้น แต่การซื้อกิจการและการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการสู่ยุคสังคมสูงวัย และสามารถขยายเครือข่ายลูกค้าในต่างประเทศและครอบคลุมยิ่งขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024 +17% และราคาเป้าหมาย 43บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) MALEE โทนประชุมระยะสั้นเป็นลบ กำไรที่ดีมากใน 1Q24 อาจเป็นจุดสูงสุดของปี เพราะ 1. 2Q24 อาจย่อ q-q ตามฤดูกาล แต่ y-y ยังโต 2. จะเริ่มรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทั้งส้มและมะพร้าว และ 3. มีลูกค้า OEM 2 ราย เริ่มชะลอคำสั่งซื้อตั้งแต่ 3Q24 ปัจจุบันโรงงานใช้กำลังการผลิตเพียง 50% ไม่สูงนัก หาก 2H24 คำสั่งซื้อลด ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบขึ้น อาจกระทบทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นให้แผ่วลงตั้งแต่ 2Q24 เป็นต้นไป ส่วนภาพทั้งปี กำไร 2024 จะโตมากกว่า 2023 จากปีก่อนฐานต่ำมาก และติดตามดูการเติบโตในอนาคต หลังผู้บริหารใหม่เข้ามา operate หลังเพิ่ม market share ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ทุก segment ในประเทศ รวมถึงต้องทำตลาดหาลูกค้า OEM ต่อเนื่อง

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 50.66 จุด หรือ +0.13% ปิดที่ 39,169.52 จุด ส่วนดัชนี Nasdag ปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีทุนจดทะเบียนสูง ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศส หลังเนชันแนล แรลลี (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดมีคะแนนนำสูงเป็นประวัติการณ์ในการเลือกตั้งรัฐสภารอบแรกแต่น้อยกว่าที่ผลสำรวจคาดไว้

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ สวนทางกับทิศทางของ Nasdaq ที่ทำจุดสงสุดใหม่

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.05%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.26% ปิดที่ 83.38ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในฤดูการขับขี่ยานยนต์ในหน้าร้อนของประเทศซีกโลกเหนือจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง และส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 83.48 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.12%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 69.99 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 2,338.90ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,342.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 827.61/ -0.17%

- Advertisement -