Daily Focus: Selective and Earnings Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ปิดบวกอีก 10.95 จุด ที่ระดับ 1,311.99 จุด มูลค่าการซื้อสูงขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 3.3 หมื่นลบ. ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ธนาคาร พลังงาน เป็นต้น ได้อานิสงส์จากพัฒนาการข่าวของ Digital Wallet และตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 785 ลบ.และ 1.7 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Long Index Futures สุทธิอีก 6.7 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,300-1,325 จุด โดยคาดยังเห็นแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่พลิกมาไหลเข้าระยะสั้น ทั้งการทยอย Short Covering รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯเดือน มิ.ย. ออกมาชะลอตัว (การจ้างงานนอกภาคเกษตรอยู่ที่ 2.06 แสนตำแหน่งชะลอจากเดือนก่อน อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นผิดคาดเป็น 4.1% ส่วนค่าจ้างแรงงาน +0.3% m-m ชะลอตัวตามคาด) เพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของ FED โดยล่าสุดความน่าจะเป็นอยู่ที่ 73% ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯปรับตัวลงต่ำกว่า 4.3% สำหรับอายุ 10 ปี และ Dollar Index อ่อนค่า โดยสัปดาห์นี้ติดตามถ้อยแถลงของประธาน FED และเงินเฟ้อ CPI เดือน มิ.ย. สหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมครม.พิจารณาปรับเงื่อนไข TESG ส่วนการเมืองจับตาการพิจารณาคดีนายกฯเศรษฐาวันที่ 10 ก.ค. ว่าจะมีการนัดพิจารณาครั้ง ถัดไปหรือนัดอ่านคำวินิจฉัยเมื่อใด คาดว่ายัง Overhang และจำกัด Upside การฟื้นตัวของดัชนีขณะที่ระยะสั้นเราคาดหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 ออกมาแข็งแกร่งจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนุนและเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ค.: CPF, DOHOME, PHG, SAPPE, TTA

FSSIA Portfolio: AOT, BMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่น Finansia 5 ก.ค. 24 : KCE 

  • แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 50 บาท
  • แนวโน้มกำไร 2Q24 ดูดีกว่าที่เคยมอง เราคาดที่กำไรสุทธิที่ 574 ลบ. +11% q-q, +53% y-y หากตัดรายการ FX ออก คาดกำไรปกติที่ 524 ลบ. +25% q-q, +64% y-y โดยยังไม่ได้รวมกำไรจากการขายโรงงานบางปู แม้รายได้จะยังไม่น่าตื่นเต้น แต่แรงหนุนใน 2Q24 มาจากผลบวกจากการลดต้นทุนโดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ ช่วยหนุน Gross Margin ให้ขยายตัวเป็น 24.6% สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส
  • แนวโน้มกำไร 2H24 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะ Gross Margin ที่คาดว่ายังขยับขึ้นต่อจากผลบวกจากการลดต้นทุนที่คาดว่ายังคงเห็นผลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาทองแดงที่สูงขึ้นยังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2024 ขึ้น 17% เป็น 2.3 พันลบ. +39% y-y
  • แนวรับ 42.50//41 บาท แนวต้าน 44-44.50//46.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$1,217 ล้าน พลิกมากระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$985 ล้าน รองลงมาคือไต้หวัน US$166 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลยังคงไหลเข้านำโดยไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$34-46 ล้าน แต่ไหลออกจากเวียดนาม US$15 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนในทิศทางไหลเข้าจากค่าเงินสกุลเอเชียที่แข็งค่า หลังตลาดเพิ่มความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งจากตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯเดือน มิ.ย. ที่ชะลอตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) เงินเฟ้อไทยเดือน มิ.ย. ต่ำกว่าคาด เงินเฟ้อทั่วไปเดือน มิ.ย. +0.62% y-y ขณะที่ตลาดคาด +1% y-y และชะลอจากเดือนก่อนที่ +1.54% y-y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.36% y-Y ต่ำกว่าตลาดคาด +0.4% y-y และทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ +0.36% y-y ซึ่งตัวเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอาจทำให้ตลาดคาดหวังโอกาสเห็นการลดดอกเบี้ยในไทยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามโดยรวมเงินเฟ้อยังสอดคล้องกับมุมมองธปท.ที่คาดเงินเฟ้อจะชะลอต่ำกว่ากรอบเป้าหมายใน 3Q24 ก่อนทยอยฟื้นเข้ากรอบในช่วงปลายปี ดังนั้นเรายังเชื่อว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5% ตลอดปีและรอดูผลของ Digital Wallet หากมาตรการออกมา

(+) BDMS คาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 3.25 พันลบ. -20% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +6% y-y จากรายได้ที่คาดเพิ่มขึ้น 7% y-y โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างชาติเติบโต 13-15% y-y ขณะที่ผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้น 3-4% ส่วน EBITDA margin ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เราเชื่อว่าแนวโน้มรายได้ 2H24 จะเร่งขึ้น 11-12% y-y เพราะเป็น High season ของธุรกิจใน 3Q24 ซึ่งบริษัทเริ่มเห็นรายได้ที่ฟื้นตัวตั้งแต่เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา และน่าจะทำตามเป้าที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโต 10-12% y-y เรายังคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 16.4 พันลบ. +14% y-y ราคาเป้าหมาย 35 บาท Valuation ไม่แพง เทรดบน PE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ยังแนะนำ “‘ซื้อ”

(-) AEONTS รายงานกำไรสุทธ 1QFY24 ที่ 524 ลบ. ลดลง 52% q-q และ 15% y-y ผิดหวัง เพราะต่ำกว่าเราและตลาดคาด 30% เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้ฯ ECLs และ credit costs ที่เร่งตัวขึ้น สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของ NPL ratio มาที่ 5.39% โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มอัตราการชำระสินเชื่อขั้นต่ำเป็น 8% จากเดิม 5% Loan spread ต่ำกว่าคาดจากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่ภาพรวมสินเชื่อค่อนข้างทรงตัว q-q แต่ยัง -2.5% y-y ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเป้าทั้งปี 2024 ที่เราคาด 7% y-y คงประมาณการกำไรจะทรงตัวใน FY24 และพลิกกลับมาเติบโตเฉลี่ย 6-8% y-y ใน FY25-26 ราคาเป้าหมาย 145 บาท ยังแนะนำ “ถือ

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 67.87 จุด หรือ +0.17% ปิดที่ 39,375.87 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานของสหรัฐที่อ่อนแอลงนั้นเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย.ปีนี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นก่อนการเลือกตั้งรอบสองของฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ (7 ก.ค.)

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยจะมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และจีนระหว่างสัปดาห์นี้ ตลาดนิกเกอิเปิดลบจากรายงานดัชนีค่าจ้างที่หดตัวต่อเนื่อง 26 เดือน

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.43%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 72 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 83.16 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการทำข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซานั้นได้บดบังอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงฤดูร้อ นและแนวโน้มที่จะเกิดภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมัน เนื่องจากมีพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโก ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 82.98 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.22%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 28.30 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 2,397.70 ดอลลาร์/ออนซ์ สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานของสหรัฐบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลง ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,394.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.12%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 834.81/ –

- Advertisement -