แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดว่าดัชนี SET ยังแกว่งในกรอบ 1320 +/- ตามทิศทางของตลาดภูมิภาค หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่า (บาทอ่อน) เงินบาทเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.4 บาท/ดอลลาร์ การซื้อขายในช่วงนี้ยังคงเป็น Theme เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 2Q24 เติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นต่างๆ อย่าง Digital Wallet ที่เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มค้าปลีก รวมถึงกองทุน TESG ขณะที่ประเด็นการเมืองวันนี้ศาลรธน.นัดพิจารณาคดีคุณสมบัติฯ นายก คาดว่าจะยังไม่มีคำตัดสินออกมา และอาจจะต้องรอดูกระบวนการต่อไป ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐ พรุ่งนี้ และผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ (JPMorgan, Citigroup, Wells Fargo&Co) ในวันศุกร์

หุ้นแนะนำ CPALL, CK

Daily Global Market

In News:

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับนิวไฮอีกครั้ง ขานรับถ้อยแถลงของประธาน FED นาย Jerome Powell ต่อสภาคองเกรสที่มีเมื่อคืนนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้
  • ประธาน FED กล่าวว่า FED ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงและนานเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดแรงงานก็แข็งแกร่งเช่นกัน แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวลงบ้าง มากไปกว่านั้น เงินเฟ้อชะลอตัวลง และ FED ยังมุ่งมั่นในการทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%
  • ดัชนีความเขื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมสหรัฐประจำเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 91.5 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 แต่ต่ำกว่าระดับ 98 เป็นเวลา 30 เดือนติดต่อกัน
  • ดัชนี CPI ของสหรัฐประจำเดือนมิถุนายนจะเผยในวันพฤหัสบดีนี้ มีคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะขยับขึ้น 0.1% MoM และ 3.1% YoY ขณะที่ดัชนี Core CPI ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 0.2% MoM และ 3.4% YoY
  • Fedwatch Tool ของ CME ล่าสุดบ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในเดือนกันยายน จากระดับสัปดาห์ที่แล้วที่ 59%
  • S&P Global กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของสหราชอาณาจักร ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของสหราชอาณาจักรที่คาดว่าจะสูงถึง 100% ในปีหน้า รัฐบาลจึงได้รับการคาดหวังที่จะรักษาความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการเงินสาธารณะเพื่อค่อยๆ ลดอัตราส่วนดังกล่าวลง ทั้งนี้ ปัจจุบัน S&P ให้เรตติ้งสหราชอาณาจักรที่ AA ด้วยแนวโน้มคงที่ ซึ่งสูงกว่าหน่วยงานจัดอันดับเครดิตหลักอื่นๆ เช่น Moody’s และ Fitch
  • นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบของรัฐสภา และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อในฝรั่งเศส ด้าน New Popular Front ฝ่ายซ้ายได้รับที่นั่งมากที่สุดในการลงคะแนนเสียงรอบสุดท้าย แซงหน้ากลุ่มขวาสุดที่คาดหวังไว้ อย่างไรก็ตาม พันธมิตรล้มเหลวในการครองเสียงข้างมากโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลผสมหรือรัฐบาลเทคโนแครตอยู่ในแผน ซึ่งทำให้การออกกฎหมายและการปฏิรูปทำได้ยากขึ้น
  • Handelsblatt รายงานว่า จำนวนบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ในเยอรมนีที่ล้มละลายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอ้างถึงอัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่ลดลง
  • ดัชนีบรรยากาศภาคค้าปลีกของจีน (CRPI) ประจำเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 49.6 ซึ่งลดลงเล็กน้อย 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อนหน้า บ่งชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มการเติบโตของยอดขายสินค้าและบริการนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเดือนกรกฎาคม ดัชนีธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์และดัชนีธุรกิจอีคอมเมิร์ซลดลง ในขณะที่ดัชนีธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังคงอยู่ในช่วงขยายตัว ส่วนดัชนีการเช่าซื้อ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7 จุดเปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อนหน้า
  • จีนส่งออกรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลประจำเดือนมิถุนายนขยับขึ้น 28% YoY โดยสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA) กล่าวว่า ตลาดอเมริกาใต้ฟื้นตัวส่งแรงหนุนยอดส่งออกรถยนต์จีนพุ่งขึ้น 31% YoY
  • มีคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนกรกฎาคม โดยจะคงที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ระดับ 3.50% ในวันพฤหัสบดีนี้ แต่คาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงในไตรมาสหน้า ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ FED ผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชาวออสเตรเลียลดลงในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความกังวลว่าต้นทุนการกู้ยืมอาจเพิ่มขึ้นบดบังโอกาสที่ภาษีจะลดลงและการผ่อนปรนค่าไฟของรัฐบาล ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสถาบัน Westpac-Melbourne ลดลง 1.1% จากเดือนมิถุนายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.7%
  • ภาวะทางธุรกิจของออสเตรเลียย่ำแย่ลงในเดือนมิถุนายน โดยแนวโน้มการจ้างงานได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะมีความมั่นใจมากขึ้นจากแรงกดดันด้านต้นทุนลดลง ดัชนีภาวะทางธุรกิจลดลง 2 จุดมาอยู่ที่ +4 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจดีดตัวขึ้น 6 จุดมาอยู่ที่ +4 โดยมีการรายงานเพิ่มขึ้นในภาคการผลิตและการขายส่ง

Stock Movement:

  • หุ้น Nvidia Corp. (NVDA ND) พุ่งขึ้น 2.48% หลังจากที่ Keybanc ปรับราคาเป้าหมายหุ้นขึ้นสู่ระดับ USD 180 ซึ่งบ่งชี้ถึง upside ประมาณ 40% จากราคาปิดเมื่อคืนวันจันทร์ บริษัทกล่าวว่าความต้องการชิป H100 ของ Nvidia ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่า Blackwell ใกล้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีก็ตาม
  • หุ้น Tesla Inc. (TSLA ND) ทะยานขึ้น 3.71% หลัง Morgan Stanley ให้เรตติ้งหุ้น Overweight ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกต่อบริษัทผู้ผลิต EV ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ทั่วโลก
  • หุ้น Helen of Troy Ltd (HELE ND) ปรับตัวร่วงลงอย่างรุนแรง 27.73% จากการที่บริษัทปรับลดแนวโน้มตลอดปีหลังรายงานตัวเลขไตรมาสแรกตามปีงบประมาณที่ต่ำกว่าระดับคาดการณ์
  • หุ้น Amazon. com Inc. (AMZN ND) ปรับตัวขึ้น 0.025% หลังจากยักษ์ใหญ่ด้านค้าปลีกออนไลน์ประกาศเปิดตัวนาฬิกาปลุก Echo Spot รุ่นใหม่ราคา USD 79 ที่มีการออกแบบที่ปรับปรุงใหม่และคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น
  • หุ้น Pfizer Inc. (PFE NYSE) ร่วงลง 0.75% หลังจากบริษัทประกาศว่า นาย Mikael Dolsten หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์จะลาออก หลังจากทำงานกับบริษัทยาแห่งนี้มากว่า 15 ปี
  • หุ้น Eli Lilly And Co. (LLY NYSE) ปรับตัวขึ้น 1.60% ขณะที่หุ้น Novo Nordisk A/S (NOVO-B CPH, -1.89%) หลังจากมีการเผยแพร่ผลวิเคราะห์ข้อมูลที่แสดงว่า ยา Mounjaro ของ Eli Lilly ช่วยลดน้ำหนักได้เร็วและมากกว่า Wegovy ยาสำหรับโรคอ้วนยอดนิยมของ Novo Nordisk
  • หุ้น Walt Disney Co. (DIS NYSE) ขยับตัวลง 0.33% แม้บริษัทเผยแผนที่จะเปิดตัวเรือสำราญลำใหม่ที่จะออกเดินทางจากโตเกียวโดยเริ่มในปีงบประมาณ 2028 เรือลำนี้จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือที่กำลังเติบโตของบริษัท โดยเพิ่มเป็นลำที่ 9
  • หุ้น BP Plc. (BP LON) ร่วงลง 4.27% หลังจากที่บริษัทน้ำมันรายใหญ่คาดว่า กำไรในช่วง 2Q จะได้รับผลกระทบ USD 1 bn. – USD 2 bn. จากการด้อยค่า และจาก USD 500 m. – USD 700 m. เนื่องจากอัตรากำไรจากการกลั่นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • หุ้น Porsche AG (P911 ETR) ไต่ขึ้น 0.42% ผู้ผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันกล่าวว่า การส่งมอบรถยนต์ทั่วโลกลดลง 7% ในช่วง 1H2024 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยอ้างถึงสภาพแวดล้อมของตลาดโลกที่ท้าทายและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตึงเครียดในจีน
  • หุ้น Stellantis NV (STLAM BIT) บวกเล็กน้อย 0.27% บริษัทกล่าวว่า จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดราคาถูก 36 รุ่นในยุโรปภายในปี 2026 เพื่อตอบสนองความต้องการเครื่องยนต์ประเภทนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและรถยนต์ไฟฟ้า
  • หุ้น Mercedes-Benz Group AG (MBG ETR) ดิ่งลง 3.43% ผู้บริหารกล่าวว่า จะรอดูว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ และชี้ให้เห็นว่า บริษัทที่ลดการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลง หมายความว่าไม่จำเป็นต้องถึงกำลังการผลิตแบตเตอรี่ที่คาดการณ์ไว้ในปี 2030
  • หุ้น Hong Kong Stock Exchange (0388 HK) ขยับบวก 0.083% บริษัทคาดว่า กำไรช่วง 2Q ปีนี้จะปรับขึ้น 5% QoQ และ 7% YoY และเนื่องจากการซื้อขายสปอต อนุพันธ์ และสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ CICC คาดว่า รายได้ค่าธรรมเนียมหลักของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะเพิ่มขึ้น 9% YoY พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีนี้อีก 3% สู่ระดับ Rmb 12.6 bn. และจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า 2% สู่ระดับ Rmb 13.6 bn.
  • หุ้น Anta Sports Products Ltd. (2020 HK) ร่วงลง 2.31% บริษัทรายงานการเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกผลิตภัณฑ์แบรนด์เนมในช่วงครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้น 4%-6% ด้าน Morgan Stanley กล่าวว่า หุ้นปรับลดลงราว 25% จากระดับสูงสุดในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เชื่อว่า ตลาดมีการตอบสนองมากเกินไปต่อยอดขายที่อ่อนแอในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะดำเนินต่อไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี
  • หุ้น SenseTime Group Inc. (0020 HK) ไต่ขึ้น 1.53% บริษัทประกาศเปิดตัว Discuss Multi-modal Large Model เวอร์ชั่นภาษากวางตุ้ง และขณะนี้แอปพลิเคชันมือถือ Sensechat และเวอร์ชันเว็บที่ใช้โมเดลนี้ได้เปิดให้ชาวฮ่องกงใช้งานได้ฟรีอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะโต้ตอบกับ Sensechat ในภาษากวางตุ้ง เช่น การถามตอบ การค้นหาทันที การสร้างภาพ และการเขียนคำโฆษณา และยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมือถือ Sensechat iOS ได้จาก App Store เวอร์ชัน Android จะเปิดตัวเร็วๆ นี้
  • หุ้น Bapcor Ltd. (BAP ASX) ร่วงลง 0.20% ผู้ค้าปลีกชิ้นส่วนรถยนต์ออสเตรเลียปฏิเสธข้อเสนอซื้อหุ้นมูลค่า AUD 1.83 bn. จาก Bain Capital ซึ่งเป็นบริษัทไพรเวทอิควิตี้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้สะท้อนมูลค่าของบริษัทอย่างเต็มที่

Sources: aastocks, briefing, businesstimes, cnbc, investing, japantoday, nasdaq, ryt9, thestandard

- Advertisement -