KS Daily View 23.07.2024 >>> มอง SET ฟื้นตัว จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินจีน/ เก็งกำไรประเด็น TESG คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1,310-1,325 จุด แนะนำ GULF, CPAXT

Theme การลงทุนในสัปดาห์นี้: ประเมินตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ผันผวน โดยประเมินกรอบซื้อขายของดัชนีที่ 1,295-1,330 จุด มองบรรยากาศการลงทุนดูมีความผันผวน ไม่เพียงเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการ แต่คดีการเมืองสำคัญใกล้กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัย มองปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ วันอังคารที่ 23 ก.ค. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาการปรับเงื่อนไขกองทุน Thailand ESG Fund (TESG fund) รวมไปถึงอาจมีข่าวความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ ต่อเนื่องด้วยวันพุธที่ 24 ก.ค.ศาลมีกำหนดพิจารณาคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ โดยเป็นกำหนดนัดเพื่อพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม และในวันเดียวกันรัฐบาลมีกำหนดการแถลงสรุปสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล ขณะที่ช่วงวันพฤหัสฯทางฝั่งสหรัฐฯมีกำหนดรายงาน GDP สำหรับไตรมาส 2/2024 มองหากตัวเลขต่ำหรือสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้มากจะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงขึ้น โดยหากออกมาสูงกว่าคาดมากอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนปรับมุมมองของตลาดต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed แต่หากออกมาต่ำกว่าคาดมากก็อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการบริษัทในเชิงเพิ่มความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้ฟื้นตัว มองดัชนี SET index ซื้อขายในกรอบ 1,310– 1,325 จุด มองได้อานิสงค์บวกจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของจีน รวมถึงกระแสเก็งกำไรบนประเด็นความคืบหน้าจากการประชุม ครม. เรื่องการปรับเงื่อนไขของกองทุน TESG และโครงการแจกเงินดิจิทัล อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวอาจจะถูกจำกัดจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังมีความกังวลบนประเด็นหลายคดีการเมืองที่ใกล้กำหนดวันพิจารณาของศาล

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 และสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการแข่งขันกับโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ไบเดนกล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของพรรคและประเทศ ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผลงานและอายุของเขาในการดีเบตครั้งล่าสุด เรามีมุมมองเป็นกลางกับประเด็นนี้ โดยเชื่อว่านโยบายต่างๆภายใต้ คามาลา แฮร์ริส ในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจาก โจ ไบเดน เนื่องจากนโยบายส่วนใหญ่ถูกกำหนดและนำเสนอจากภายในพรรคเป็นหลัก ทั้งนี้ยังประเมินว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันยังมีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งมากกว่าเช่นเดิม
  1. ธนาคารกลางจีน (PBOC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย reverse repos ประเภท 7 วันจาก 1.8% เป็น 1.7% พร้อมกับอัดฉีดเงิน 5.82 หมื่นล้านหยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อีกทั้งยังประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลงสู่ 3.35% และประเภท 5 ปีลงสู่ 3.85% การลดอัตราดอกเบี้ยนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพียง 4.7%โดยการประกาศลดดอกเบี้ยนี้เกิดขึ้นหลังการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งมีมติเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อความทันสมัยของจีน มองกลุ่ม China link อาจได้ sentiment บวกเช่น PTTGC IVL SCGP STA TEGH PSL RCL
  1. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท มีร้านค้าร่วม 1,604,000 ร้านค้า โดยจะเปิดให้ยืนยันตัวตนในเดือนสิงหาคม 2567 โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะประกอบไปด้วยร้านธงฟ้า, ร้านอาหารธงฟ้า, ร้านค้าตลาดนัด, ร้านโชห่วย, หาบเร่, แผงลอย และวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้ มีการจัดเตรียมความพร้อมโดยส่งฐานข้อมูลร้านค้าให้กับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) เพื่อรวบรวมในฐานข้อมูลกลางสำหรับการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน สำหรับสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้มีทั้งหมด 18 รายการ โดยยกเว้นธุรกิจบริการและสินค้าในกลุ่มที่ระบุเป็นข้อยกเว้น (NegativeList) ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์จากกัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล ทองคำ เพชร อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือสื่อสาร มองเป็นลบกับกลุ่มบริษัท SPVI COM7 SYNEX ADVICE

Daily pick

GULF: ราคาพื้นฐานที่ 50.5 บาท 

มองการควบรวม GULF และ INTUCH เป็นบวกต่อบริษัทโดยเฉพาะด้านสถานะการเงิน ขณะที่ด้านปัจจัยพื้นฐานเราคาดโมเมนตั้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 เติบโตได้ดีทั้ง QoQ และYoY อีกทั้งภาพปี 2567 เราประเมินกำไรขยายตัวสูงราว 20%นอกจากนี้ GULF ถือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้ ESG rating สูง คาดได้อานิสงค์บวกเชิง sentiment จากข่าวความคืบหน้าการปรับเงื่อนไขกองทุน TESG

TEGH: ราคาพื้นฐาน 38.0 บาท 

เก็งกำไรประเด็นความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเลต หลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเลตหรือ Negative List ทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้นว่าสินค้าใดได้ประโยชน์ อีกทั้งในสัปดาห์นี้รัฐบาลมีกำหนดการแถลงใหญ่สรุปสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล เรามอง CPAXT เป็นบริษัทที่จะได้อานิสงค์บวกเป็นหลักไม่ว่าทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาด QoQ ปรับชะลอตัวลงตามผลของฤดูกาล แต่ภาพ YoY ยังโตแรง และกำไรทั้งปีมองโตดีราว16%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

วันอังคาร ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sale) เดือนมิ.ย. โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.00 ล้านหลังปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.11 ล้านหลัง ต่อด้วยรายงานดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ (Richmond Manufacturing Index) เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -10 จุด

วันพุธ ติดตาม รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 45.8 จุด ต่อด้วยการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 51.6 จุด และ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน มิ.ย. โดดตลาดคาดที่ 6.40 แสนหลังเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.19 แสนหลัง

วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐอย่าง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.5% MoM เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1%MoM ต่อด้วยการรายงานของ GDP ใน 2Q24 ของสหรัฐครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ที่ +1.8% QoQ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ +1.4% QoQ และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.43 แสนตำแหน่ง

วันศุกร์ ติดตามตัวเลขของสหรัฐที่รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index)เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.6% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.2% MoM ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า

- Advertisement -