KS Daily View 24.07.2024 >>> Digital wallet จับตาการแถลงวันนี้ คาดดัชนีซื้อขายในกรอบ 1,290 – 1,310 จุด แนะนำ CPAXT, CK

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้แกว่งตัวทดสอบแนวรับ 1,290-1,295 จุด โดยคาดดัชนีซื้อขายในกรอบ 1,290-1,310 จุด การปรับตัวลงของดัชนีวานนี้มองเป็นการปรับลงแบบไร้ปัจจัยลบชัด แม้ครม.ยังไม่ชงเรื่อง TESG เข้าประชุมตามที่คาดไว้ก่อนหน้า แต่เชื่อไม่ใช่ตัวแปรที่ลบพอให้เกิดการเทขายในวงกว้างดังที่เกิดขึ้น การลงในลักษณะนี้ต้องเฝ้าระวัง ถือเป็นการสะท้อนภาพตลาดและความเชื่อมั่นที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนความไม่มั่นใจในความโปร่งใสของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด หลังมีข่าวประเด็นการทุจริตของบริษัทขนาดใหญ่ต่อเนื่องหลายกรณี รวมไปถึงการไม่สามารถจ่ายชำระหุ้นกู้ได้ตามกำหนด ปัจจัยเหล่านี้เป็นปมที่ยังไม่ถูกแก้ จึงอาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวไปไหนไม่ได้ไกล อีกทั้งเรื่องประเด็นทางการเมืองที่หลายคดีสำคัญเริ่มเข้าใกล้กำหนดศาลพิจารณาและอ่านคำวินิจฉัยทำให้ความเสี่ยงและความผันผวนในตลาดยังมีค่อนข้างมาก ขณะที่ด้านปัจจัยพื้นฐาน การรายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 2/2567 กลุ่มแรกๆของฤดูกาลอย่างกลุ่มธนาคาร ออกมาไม่สดใสเท่าไรนัก แม้กำไรออกมาใกล้เคียงกับคาด แต่รายละเอียดภายในสะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลง ซึ่งอาจกดดันให้การตั้งสำรองหนี้เสียปรับเพิ่มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า ปัจจัยสำคัญวันนี้ต้องติดตามคือ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญสำหรับคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ รวมถึงรัฐบาลเตรียมแถลงใหญ่สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต หากออกมาไม่ได้เป็นลบอาจช่วยประคองดัชนีให้ยืนอยู่เหนือแนวรับและไม่หลุด 1,300 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.ครม.มีมติตรึงค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาท/หน่วย จนถึงสิ้นปีนี้ และคงราคาดีเซลที่ 33 บาท/ลิตรจนถึงตุลาคม 2567 โดยไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกรับภาระ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน กล่าวว่าการตรึงราคาไฟฟ้าและดีเซลจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและกฟผ. พร้อมเสนอร่างกฎหมายใหม่แก้ไขโครงสร้างราคาน้ำมัน

2.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเริ่มใช้งานในเดือนตุลาคมนี้ โดยมีการแถลงข่าวรายละเอียดในวันที่ 24 กรกฎาคม ร้านค้าเข้าร่วมโครงการมีจำนวนมาก เช่น สมาคมค้าปลีกกว่า 50,000 ร้านค้า และร้านธงฟ้าประมาณ 148,000 ร้านค้า รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่น

3.การส่งออกเหล็กของจีนเพิ่มขึ้นถึง 24% ในครึ่งแรกของปี 2567 กดดันให้ราคาเหล็กในตลาดโลกตกต่ำ โดยเฉพาะในอาเซียน ส่งผลให้ผู้ผลิตเหล็กต่างประเทศได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาดของจีน หลายประเทศเริ่มพิจารณาสอบสวนการทุ่มตลาดของจีนมากขึ้น หลังมีผลกระทบต่อผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อย่าง Nippon Steel ที่กำไรลดลงกว่า 2 หมื่นล้านบาท ด้านกระทรวงอุตสาหกรรมไทยเผยเตรียมเพิ่มมาตรฐานใหม่กว่า 1,400 เรื่องเพื่อควบคุมเหล็กด้อยคุณภาพ โดยมีมาตรฐานควบคุมผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบ 4 ประเภท และอีก 122 มาตรฐานใหม่เพื่อความปลอดภัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะเร่งควบคุมและตรวจสอบเหล็กเคลือบที่จำหน่ายในท้องตลาดเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศและความปลอดภัยของประชาชน

4.กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ชี้แจงกรณีรับคดีบริษัทศรีสวัสดิ์เป็นคดีพิเศษเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากมีบุคคลกล่าวหาว่าบริษัทเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ทั้งนี้คดีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน

5.รัฐบาลอินเดียปรับขึ้นภาษีขายหุ้นที่ถือครองไม่ถึง 1 ปีจาก 15% เป็น 20% และภาษีสำหรับกำไรจากทุนระยะยาวเป็น 12.5% จาก 10% นอกจากนี้ ยังขึ้นภาษีธุรกรรมสำหรับตราสารอนุพันธ์ฟิวเจอร์เป็น 0.02% และออปชั่นเป็น 0.1% เพื่อบรรเทาการเก็งกำไรในตลาดหุ้น รัฐบาลกังวลเรื่องการขยายตัวของการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่เพิ่มขึ้นหลังการระบาดของโควิด-19

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

CPAXT: ราคาพื้นฐานที่ 38.0 บาท

เก็งกำไรประเด็นความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเลต หลังนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเลตหรือ Negative List ทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งในวันนี้รัฐบาลมีกำหนดการแถลงใหญ่สรุปสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล เรามอง CPAXT เป็นบริษัทที่จะได้อานิสงค์บวกเป็นหลัก ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาด QoQ ปรับชะลอตัวลงตามผลของฤดูกาล แต่ภาพ YoY ยังโตแรง และกำไรทั้งปีมองโตดีราว 16%

CKP: ราคาพื้นฐาน 4.60 บาท

คาดผลประกอบการไตรมาส 2/2567 เติบโตแรงทั้ง QoQ และ YoY โดยพลิกเป็นกำไรได้ที่ราว 70 ลบ. เทียบจากขาดทุน 461 ลบ. ในไตรมาส 1/2567 และกำไรต่ำที่เพียง 2 ลบ.เมื่อไตรมาส 2/2566 จากปริมาณฝนที่ตกลงมามากขึ้นช่วยหนุนการฟื้นตัวของผลประกอบการ และมองไปข้างหน้าเชื่อกำไรยังแข็งแกร่งต่อในช่วง 2H24 หลังมีโอกาสสูงที่ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ราคาหุ้นยังไม่แพง ขณะที่คาดผลประกอบการเติบโตสูง 30% กว่าปีนี้ และอีกกว่า 20% ในปีหน้า

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตาม รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโซนยุโรป (HCOB Manufacturing PMI Flash) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 45.8 จุด ต่อด้วยการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของสหรัฐ (S&P Global US Manufacturing PMI Flash) เดือน ก.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 51.6 จุด และ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ (New home sale) เดือน มิ.ย. โดดตลาดคาดที่ 6.40 แสนหลังเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.19 แสนหลัง
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขเศรฐกิจของสหรัฐอย่าง ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.3% MoM เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1% MoM ต่อด้วยการรายงานของ GDP ใน 2Q24 ของสหรัฐครั้งแรก ตลาดคาดการณ์ที่ +2.0% QoQ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ +1.4% QoQ และปิดท้ายด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.43 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขของสหรัฐที่รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 2.5% YoY ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน มิ.ย. ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.2% MoM
- Advertisement -