วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,286 / 1,28* แนวต้าน 1,296 / 1,300
ตัวเลขคาดการณ์ GDP 2Q’67 สหรัฐออกมา +2.8% สูงกว่ารตลาดคาด สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม คาดวันนี้ตลาดจะรอติดตามการรายงานตัวเลข PCE เดือน มิ.ย. เพิ่มเติม / สำหรับปัจจัภายในประเทศแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกของไทย
Our View? “อ่อนแอและเปราะบาง!”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,286 / 1,281 และแนวต้านที่บริเวณ 1,296 / 1,300 เมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP สหรัฐ 2Q’67 ครั้งที่ 1 ออกมา +2.8%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาดและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า จากการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน สะท้อนทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเป็นปัจจัยช่วยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรามองคืนนี้คาดตลาดจะรอติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน มิ.ย. ของสหรัฐในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ +0.1%MoM/+2.4%YoY เพิ่มขึ้น MoM แต่ลดลง YoY คาดอาจกระตุ้นความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองตลาดในช่วงที่ผ่านมารับรู้ประเด็นดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว โดยล่าสุด CME FED Watch Tools เริ่มปรับลดน้ำหนักโอกาสที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 88.0%+/- หลังก่อนหน้าคาดการณ์สูงขึ้น 95.0%+/- คาดยังกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคา สินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ อีกทั้งเรายังมองตลาดในช่วงนี้คาดจะให้ความสำคัญกับการประกาศผลประกอบการ 2Q’67 ของแต่ละ บจ. ในตลาดส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนได้บ้าง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวน แต่ยังสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้ปิดที่ระดับ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.63 ดอลลาร์ (+0.82%) ได้รับแรงหนุนจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง กระตุ้นความคาดหวังอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์กลับขึ้นได้ในระยะสั้น
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เราแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนมิ.ย.คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 2.55% (YoY) ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า หากออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดอาจกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็อกทรอนิกส์-ส่งออกอาหารและอาหารสัตว์ได้ ขณะที่เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของกระทรวงการคลัง ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เรามองเป็นความชัดเจนของโครงการดังกล่าวมากขึ้น ทำให้เราคาดว่ามาตรการดังกล่าวมีโอกาสออกมาได้ในช่วง 4Q67-1Q’68 ตามที่รัฐบาลส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า คาดเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT และ CRC)
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าประเด็นทางการเมืองโดยเฉพาะการนัดลงมติวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 ส.ค. และการนัดฟังคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 ส.ค. คาดจะนักลงทุนในตลาดบางส่วนอาจลดน้ำหนักการลงทุนในระยะสั้นออกไปก่อนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองดังกล่าว มองเป็นปัจจัย Overhang กดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ต่อ ทั้งนี้เรายังคงมองกลยุทธ์การเลือกเล่นหุ้นรายตัวยังเป็นกลยุทธ์ที่มีความได้เปรียบอยู่สำหรับตลาดหุ้นไทย
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “KTB”
- เรายังชอบ KTB จากการรายงานกำไร 2Q67 ที่ 11,195 ลบ. (EPS 0.80) เติบโต 1%QoQ และ 10%YoY มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ 4% จาก Cost to Income ปรับตัวลงสู่ระดับ 41.7% จากรายการขาดทุนจากการด้อยค่าลดลง ขณะที่ NIM ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.37% จากการเพิ่มขึ้นสินเชื่อรายย่อย ขณะที่ 2H67 คาดจะมีโอกาสทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้จาก (1) NIM อาจจะสามารถรักษาระดับเดียวกับช่วง 1H67 จาก KTB หันมาเน้นสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น และสินเชื่อภาครัฐจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ทางเทคนิค ราคาแกว่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น หลัง Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มเส้นแนวโน้มขาลงระยะสั้นได้ก่อนหน้า ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD ให้สัญญาณซื้อ แต่ RSI และ SSTO อยู่ในภาวะ Overbought ทำให้คาดว่าราคามีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้างอิงทางบวก
- แนะนำ “ย่อซื้อ”
- แนวรับ 17.50 / 17.20 Target 18.60 / 19.00 Stop <17.00