AHC เผยครึ่งปีหลัง 67 ฟอร์มดีรับไฮซีซัน เดินหน้ากลยุทธ์จับมือพันธมิตรทั้งใน–ต่างประเทศ เพิ่มโอกาสธุรกิจ ต่อยอดการเติบโต
AHC เผยทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 สัญญาณดีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เข้าสู่ช่วงไฮซีซันธุรกิจ เปิดบริการให้คำปรึกษาเรื่องการควบคุมน้ำหนัก Weight Management และกลุ่มลูกค้า LGBTQ ตอบรับนโยบายสมรมเท่าเทียม , เดินหน้ากลยุทธ์จับมือกับพันธมิตร BKGI ชูบริการเสริมการตรวจคัดกรองภาวะความผิดปกติทางพันธุกรรม ดาวน์ซินโดรมทารกในครรภ์ และพันธมิตรบริษัท TCI จากประเทศไต้หวัน เปิดให้บริการตรวจคัดกรองโรคความเสี่ยงที่เกิดจากพันธุกรรม เพิ่มโอกาสธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าหลากหลายดันยอดการใช้บริการ OPD – IPD เพิ่ม หนุนรายได้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15 %
นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกใน จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกเนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ และจากการเปิดศูนย์บริการเต็มระบบทั้ง IPD (In-Patient Department) หรือ “ผู้ป่วยใน” และ OPD (Out-Patient Department) หรือ“ผู้ป่วยนอก อีกทั้ง ยอดใช้บริการจากกลุ่มลูกค้าบริษัทประกันสุขภาพมีจำนวนเพิ่มขึ้น ตามการเติบโตของธุรกิจประกันภัย
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดให้บริการ ให้คำปรึกษาเรื่องการควบคุมน้ำหนัก Weight Management และ กลุ่ม LGBTQ ให้บริการปรึกษาและรักษาเฉพาะด้านสำหรับเพศทางเลือก อาทิ การปรับฮอร์โมน หรือ การปรึกษาจิตแพทย์ ตอบรับนโยบายสมรสเท่าเทียมที่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสธุรกิจขยายฐานลูกค้าหลากหลายซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดการใช้บริการ OPD – IPD เพิ่มขึ้น
อีกทั้ง บริษัทเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เตรียมจับมือพันธมิตร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) BKGI เสริมบริการด้านการตรวจคัดกรองภาวะความผิดปกติทางพันธุกรรม ดาวน์ซินโดรมทารกในครรภ์ และพันธมิตร บริษัท TCI จากประเทศไต้หวัน เปิดให้บริการตรวจคัดกรองโรคความเสี่ยงที่เกิดจากพันธุกรรมได้ถึง 58 โรค อาทิ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เพื่อหาแนวทางป้องกันโรคเหล่านี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ จากการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และการขยายฐานลูกค้า คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทเติบโตของรายได้ ตามเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15 %
“ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น การซื้อยาด้วยตนเองทดแทนการเข้าใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาล ในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคด้วยนวัตกรรมและผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความสำคัญมากต่อการรักษาสุขภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิตที่ขาดไม่ได้ ธุรกิจโรงพยาบาลจึงยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอยู่ของผู้ใช้บริการเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเอกชลมุ่งเน้นพัฒนาสรรหาและพัฒนาบุคลากรเพื่อรับรองการดำเนินชีวิตของผู้ใช้บริการ ควบคู่กลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ พร้อมทั้งรักษาระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยมุ่งเน้นผ่านการรับรองมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) มาตรฐานการรับรองคุณภาพระดับสากลเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ”นายสิริพจน์ กล่าว