SINGER ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Financial Services Network Tech” จับมือ SGC ลุยสินเชื่อและขยายเครือข่ายผ่าน SG Finance+
เปิดฉากงาน “SINGER & SGC Business Transformation & Direction Moving Forward” ด้าน SINGER ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Financial Services Network Tech” เดินหน้าสร้าง “New Business – New Growth Engine” ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่มีเครือข่ายการขายครอบคลุมทั่วประเทศ ต่อยอดบริการด้านไฟแนนซ์ และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทรานส์ฟอร์ม ย้ำจุดยืนใหม่เป็น “เน็ตเวอร์คเทค” พร้อมเปิดตัว 3 Core Business เสริมทัพการเติบโต ด้วยธุรกิจใหม่ล็อกโทรศัพท์มือถือ ล็อกเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้ง SINGER ขยายพอร์ตจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ามัลติแบรนด์ และ รถจักรยานยนต์ EV เปลี่ยนภาพแคมเปญการตลาดแบบเดิม มุ่งสู่การตลาดยุคใหม่ เข้าถึงหัวใจผู้บริโภค พร้อมคุมเสี่ยง NPL โดยมี SGC เรือธงในการให้บริการด้านไฟแนนซ์ ด้วยสินเชื่อ SG Finance+ เผยพอร์ตสินเชื่อ Locked Phone เดือนกรกฎาคมทะลุเป้า พร้อมเสริมทัพบริการใหม่ ประกันภัยมือถือ
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทแถลงแผน SINGER & SGC Business Transformation & Direction Moving Forward พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโต เสาะแสวงหาธุรกิจใหม่ที่เข้ามาต่อยอด ด้วยการควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุม และเพื่อสะท้อนภาพธุรกิจในอนาคต SINGER ได้ประกาศเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่ “Financial Services Network Tech” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางธุรกิจค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงไป และการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค จึงได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ และโฟกัสใน 3 ด้าน เพื่อเดินหน้าเทิร์นอะราวด์ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ประกอบด้วย
ด้านแรก New Product Mix ภายหลังจากการเปิดฉากบุกแคมเปญ Locked Phone เข้ามาเพิ่มศักยภาพการขายสินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือ ด้วยสินเชื่อ “เอสจี ไฟแนนซ์พลัส (SG Finance+)” ภายใต้แคมเปญ Locked Phone นับเป็น Business Model ใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนดี Yield สูง บริหารโดย บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) ซึ่งเปิดตัวสินเชื่ออย่างเป็นทางการ (Nationwide) ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด และเทคโนโลยี Device Locking จากพาร์ทเนอร์ ทำให้สามารถล็อกเครื่องได้กรณีไม่ผ่อนชำระ ซึ่งจะทำให้ NPL ต่ำ สามารถควบคุมความเสี่ยง มีหนี้เสีย (NPL) อยู่ในระดับต่ำมาก
นอกจากนี้ การขยายพอร์ตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยจับมือพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำ เริ่มขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามัลติแบรนด์เข้ามาในพอร์ต นอกเหนือจากแบรนด์ SINGER ทำให้มีแบรนด์ที่หลากหลายมากขึ้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในการตัดสินใจ ทั้งยังเพิ่มโอกาสใหม่ๆ เพิ่มมาร์จิ้นให้แก่บริษัทฯ โดยในเฟสแรกจับมือแบรนด์ SAMSUNG TCL ACONATIC เข้ามาเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรแบรนด์อื่นๆ คาดได้เห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ รวมทั้ง นำแคมเปญล็อกสินค้า ของสินเชื่อ SG Finance+ เข้ามาช่วยควบคุมความเสี่ยง โดยสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญล็อกได้ในปัจจุบันคือ ทีวี และเครื่องซักผ้า และเตรียมต่อยอดไปในกลุ่มอื่นๆ เพิ่มเติม
รวมทั้ง การนำเสนอสินค้ากลุ่ม EV รุกสินค้ากลุ่มจักรยานไฟฟ้าเข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่ม ซึ่งอยู่ในหมวดสินค้าที่มองว่า อยู่ในเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ จากกระแสรักษ์โลก และ Green Energy รวมทั้งการผลักดันจากภาครัฐมากขึ้น ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านที่สอง NEW Platform เพื่อ Digitize และ Scale โดยกลุ่มบริษัทนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เห็นได้ชัดจากการต่อยอดสินเชื่อ SG Finance+ ในเฟสแรกเริ่มจากผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ ต่อยอดไปสู่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ ตั้งแต่การขอสินเชื่อ พิจารณา ไปจนถึงการอนุมัติ ลดปริมาณการใช้กระดาษ ด้วยแพลตฟอร์มที่ทันสมัย ได้นำเทคโนโลยีด้านการยืนยันตัวตน การทำ Credit scoring ผ่านการทำ Digital app นำเสนอผ่านพาร์ทเนอร์ของ SG Finance+ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 4,000 ราย สามารถเพิ่มโอกาสให้มาเปนตัวแทนจำหน่ายของซิงเกอร์ได้ด้วย รวมทั้ง การพัฒนาระบบการขายผ่านแคตตาล็อกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Catalog) สำหรับการนำเสนอสินค้าและบริการ ในรูปแบบออนไลน์บนแอปพลิเคชั่น ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น มาช่วยสนับสนุนพาร์ทเนอร์ และธุรกิจแฟรนไชส์
ด้านที่สาม NEW NETWORK ขยายเครือข่ายทางการขายด้วย SG Finance+ และการจัดหาครีเอเตอร์ในรูปแบบ Multi-Channel Network (MCN) and Affiliate เพื่อทำการตลาดรูปแบบใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น การขยายไปในกลุ่ม Influencer ช่วยไลฟ์ขายสินค้า เปรียบเสมือนเราได้ตัวแทนขายใหม่ที่ทรงพลัง และตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อาทิ TikTok ด้านช่องทางออฟไลน์ มีแผนจับมือพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย โดยล่าสุดจับมือ “ร้านเติมใจ” ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าจิปาถะ มีจำนวนประมาณ 30 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมองว่าฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกัน โดย SINGER จะนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจัดจำหน่ายในร้านเติมใจ 30 สาขาในปีนี้ ขณะที่ ร้าน SINGER ในปัจจุบันมีจำนวน 110 สาขาทั่วประเทศ และยังไม่มีนโยบายขยายสาขาเพิ่ม แต่จะเน้นเติบโตไปกับพาร์ทเนอร์
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกเครือข่ายของ SINGER มีตัวแทนขายจำนวนประมาณ 1,100 ราย คาดสิ้นปีจะขยายไปที่ 2,000 ราย เป้าหมายหลัก คือการเพิ่มขึ้นในกลุ่มดีลเลอร์ของ SG Finance+ ที่ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หรือไอที แต่มีความสนใจในการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทฯ จะเปิดโอกาสในการเป็นตัวแทนจำหน่ายของ SINGER เพิ่มเติม เพียงนำเสนอสินค้าใหม่ผ่านแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่น และ E-Catalog ทุกอย่างผ่านเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องง่ายในการสเกล และขยายการเติบโต ด้วยความเสี่ยงที่รัดกุม
“SINGER นับเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่มีประวัติอันยาวนาน และมีเครือข่ายการขายครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยโมเดลการขายที่เป็นเอกลักษณ์ ในการเดินเข้าหาลูกค้าแบบถึงที่ หรือเคาะประตูถึงบ้าน เล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดจุดแข็งด้วยการนำเสนอบริการใหม่ๆ เพราะธุรกิจรูปแบบเดิมอาจไม่ทำให้กลุ่มบริษัทเติบโตในอนาคต “คน” ยังเป็นจุดแข็งหลัก แต่เราเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการขาย วันนี้ SINGER จึงไม่ใช่แค่ Direct Sale จุดยืนใหม่คือ SINGER จะเป็น เน็ตเวอร์คเทค คือการมีเครือข่ายการขายที่ครอบคลุมแล้ว ยังมีบริการทางการเงินที่ดี เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงโอกาสทางการเงิน และใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อน” นายนราธิป กล่าวทิ้งท้าย
นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC (บริษัทในกลุ่มซิงเกอร์) บริษัทชั้นนำในธุรกิจการให้บริการด้านการเงิน โดยมุ่งเน้นธุรกิจให้บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ เปิดเผยว่า สินเชื่อโทรศัพท์มือถือ SG Finance+ เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่จะเข้ามาสนับสนุนแผนการเติบโตของกลุ่มบริษัทในช่วงต่อจากนี้ และสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยผลงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
มียอดปล่อยสินเชื่อ Locked Phone ในเดือนกรกฎาคม 2567 ทำได้ 33,000 สัญญา/เดือน มากกว่าเป้าที่วางไว้ 30,000 สัญญา สนับสนุน 7 เดือนแรกปีนี้มีสินเชื่อสะสมรวมอยู่ที่กว่า 60,000 สัญญา พร้อมเติบโตในเดือนสิงหาคมรับตลาดสมาร์ทโฟนกำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบร้านค้า Dealer ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น Advice, Power Buy, AIS Buddy เป็นต้น เพื่อเข้าร่วมโครงการ SG Finance+ รวมถึงการจับมือร้านค้าพันธมิตรที่เป็นเจ้าของแบรนด์มือถือ (Brand Shop) เพิ่มเติม เช่น Oppo Brand Shop, Vivo Brand Shop, True shop และ Xiaomi Shop เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีร้านค้าพันธมิตรรวมกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ ภายในปี 2567
และมั่นใจภายในสิ้นปีนี้จะมียอดปล่อยสินเชื่อเติบโตแตะ 100,000 สัญญา/เดือน ตามแผน และมี SG Finance+ ภายใต้สัญญาทั้งหมด 300,000 สัญญา ด้วยการให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุม โดยพิจารณาความเสี่ยงทางด้านเครดิตของลูกค้า และวงเงินกู้ตามความสามารถในการผ่อนของลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายของภาครัฐ (Responsible Lending) เพื่อควบคุมคุณภาพ NPL อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น SG Finance+ สำหรับลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบยอด และสร้าง QR Code สำหรับการชำระเงิน โดยจะมี Product ใหม่ที่ร่วมกับทาง SINGER และพาร์ทเนอร์มาตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น ในด้านประกันโทรศัพท์มือถือ และประกันสุขภาพ