Daily Focus: Defensive and Earnings Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงตามคาด ปิดลบ 9.67 จุด ที่ระดับ 1,313.08 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 3.5 หมื่นลบ. ตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าคาด กลุ่มที่ถ่วงตลาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว ปิโตรฯ ค้าปลีก เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่พยุง คือ พลังงาน สื่อสารฯ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 228 ลบ.และ 1.8 พันลบ. (ต่างชาติพลิกมา Short Index Futures 2.8 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะปรับตัวลงและมีโอกาสหลุดต่ำกว่าระดับ 1,300 จุดอีกครั้ง โดยมีฐานบริเวณ 1,285-1,290 จุด เป็นแนวรับสำคัญ ตามกรอบ Sideways ทางเทคนิค ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงถูกกดดันอย่างหนัก หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯเดือน ก.ค. ทั้งการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ชะลอแรงกว่าคาดเหลือ 1.14 แสนตำแหน่ง (ตลาดคาด 1.75 แสนตำแหน่ง) รวมถึงอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะ 4.3% (ตลาดคาด 4.1%) สูงสุด นับตั้งแต่ปลายปี 2021 และเริ่มมีสัญญาณเสี่ยงเกิด Recession หากอิง Sahm Rule สร้างความ กังวลต่อนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดเพิ่มคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED เป็น 4 ครั้งหรือสูงกว่าแล้วในปีนี้ ส่งผลให้ Bond Yield ร่วงแรงต่อเนื่องจากเม็ดเงินที่ไหลออกจากหุ้นและไหลเข้าพันธบัตร โดย Bond Yield 2 และ 10% อยู่ที่ 3.88% และ 3.8% ตามลำดับ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. (ตลาดคาด Headline +0.7% y-y และ Core +0.39% y-y) และครึ่งแรกของ ส.ค. โฟกัสอยู่ที่การประกาศ GDP และกำไร 2Q24 ว่าจะทยอยเติบโตได้ตามคาดหรือไม่ พิจารณาลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น หากออกมาค่อนไปในทางต่ำกว่าคาด อาจเพิ่มโอกาสที่กนง.จะพิจารณาลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น ส่วนอีกปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางตลาดคือการวินิจฉัยคดีการเมือง ทั้งคดียุบพรคก้าวไกลวันที่ 7 ส.ค. และโดยเฉพาะคดีนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. หากผลออกมาเป็นคุณจะทำให้ Upside ระยะกลาง-ยาวเปิดกว้างขึ้ นจากปัจจัย Overhang ที่หายไป โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะฟื้นตัวได้แรง ส่วนระยะสั้นวันนี้คาด Defensive และ Dividend Play จะแกว่งตัวได้แข็งกว่าตลาด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR TU

หุ้นเด่น Finansia 5 ส.ค. 24 : GPSC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 59 บาท
  • ระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจาก Bond Yield ที่ปรับลงและและค่าเงินบาทที่พลิกมาแข็งค่า เบื้องต้นแนวโน้มกำไร 2Q24 จะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนราคาก๊าซฯที่ปรับลง และกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า SPP หน่วยที่ 2 100MW ส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada จะเพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าลมไต้หวันที่เริ่มผลิตไฟตั้งแต่เดือน พ.ค.
  • บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 6,757 MW จะเพิ่มเป็น 10,440 MW ในปี 2026 ผ่านการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนในไทยมีลุ้นได้กำลังการผลิตเพิ่มจากการเปิดประมูลการรับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วง 4Q24
  • แนวรับ 40-39.50 บาท แนวต้าน 42.75//44 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิสูงถึง US$3,702 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$2,974 ล้าน รองลงมาคือเกาหลีใต้ US$732 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสานไหลออกจากไทยสูงสุด US$52 ล้าน แต่ยังไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนามประเทศละ US$29-30 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังไหลออกอย่างหนาแน่น หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯชะลอตัวแรงกว่าคาดมาก ส่งผลให้ยังมีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนักและไหลเข้าหาพันธบัตร

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) PSL กำไรปกติ 2Q24 ที่ 430 ลบ. +31% q-q, +67% y-y ดีกว่าเราคาด 7% จากอัตรากำไรขั้นตันที่สูงกว่าคาด หนุนจากค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้น แนวโน้มค่าระวางเรือเทกองในช่วง 2H24 ยังแข็งแกร่งจาก High season จำนวนเรือใหม่สุทธิอยู่ในระดับต่ำ และการขนส่งบริเวณทะเลแดงยังวิกฤติ กำไรปกติ 1H24 คิดเป็น 55% ของกำไรสุทธิทั้งปี 2024 และมีแนวโน้มปรับประมาณการใหม่ คงราคาเป้าหมาย 10.30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SAV กำไรปกติ 118 ลบ. +20% q-q, +40% y-y ดีกว่าเราคาด 13% เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรสุทธิที่ดีกว่าคาด โมเมนตัมกำไร 3Q24 ยังเติบโตต่อเนื่องจาก AirAsia Cambodia ที่เพิ่มเปิดดำเนินงานตั้งแต่ พ.ค. 2024 และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวกัมพูชา คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 25 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(-) CRC คาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 1.73 พันลบ. -32% q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่ +1% y-y โดยคาด SSSG ยังลดลงราว 2% จากธุรกิจ Hardline เป็นหลัก แต่ยอดขายรวมคาดยังเติบโตราว 5% จากการเปิดสาขาใหม่ของไทวัสดุและ Go wholesale อย่างไรก็ตามเราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลง 5-9% สะท้อน SSSG ที่ฟื้นช้ากว่าที่คาด ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 40 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ASW คาดกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 500 ลบ. +95% q-q,+219% y-y จากยอดโอนที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากการสร้างคอนโดใหม่ 3 แห่ง คาดโมเมนตัมกำไรใน 3Q24 แข็งแกร่งต่อเนื่องทั้ง q-q, y-y  คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 1.1 พันลบ. +37% y-y และราคาเป้าหมาย 9.50 บาท และให้ Div. yield กว่า 7% ต่อปี แนะนำ “ซื้อ”

(+) CKP คาดกำไรสุทธิ 2Q24 พลิกเป็นกำไร 78 ลบ. จากขาดทุนใน 1Q24 และจะโตก้าวกระโดดใน 3Q24 จาก High Season ที่ดีกว่าปกติ โดยปริมาณน้ำในเขือนและการไหลของน้ำเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และไซยะบุรีผลิตได้ได้เพิ่มขึ้นทั้ง q-q, y-y คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 +8% y-y หนุนจากลานีญา และโรงไฟฟ้าไม่มีหยุดซ่อมบำรุง ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) MEGA จากสถานการณ์ในเมียนมาร์ที่ฉุดรั้งยอดขาย ทำให้เราคาดกำไรปกติ 2Q24 ที่ 575 ลบ. -10% y-y แต่ +16% q-q จากฐานต่ำ แนวโน้ม 2H24 โตอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าโรงงานในอินโดนีเซียจะแล้วเสร็จ ยังคงราคาเป้าหมาย 56 บาท แนะนำ “ซื้อ” จาก Valuations ที่ถูก

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 ส.ค.ไทย: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

สหรัฐ: ISM Services PMI (ก.ค.)

6 ส.ค.ออสเตรเลีย: ประชุม RBA

สหรัฐ: ส่งออก/นำเข้า (ก.ค.)

8 ส.ค.จีน: ส่งออก (ก.ค)
9 ส.ค.จีน: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 610.71 จุด หรือ -1.51% ปิดที่ 39,737.26 จุด เข้าสู่ระยะปรับฐาน หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

(-) ตลาดหุ้นยุโรปลบแรง หุ้นกลุ่มต่าง ๆ ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยกลุ่มเทคโนโลยีร่วง 6.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 โดยปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐ

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบต่อเนื่อง โดยตลาดจับตาประเมินจาจีนและไต้หวันระหว่างสัปดาห์นี้ รวมถึงผลการประชุมนโยบายทางการเงินออสเตรเลียและอินเดีย

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.31 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.80%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 3.66% ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนกดดันตลาดด้วย ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 73.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.01%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 11 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 2,469.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาสัญญาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงเช้าจากความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอเกินคาด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,471.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.08%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 845.47 / –

- Advertisement -