อาจเห็นการฟื้นตัวระยะสั้นแต่นักลงทุนระยะกลางควรเริ่มสะสม

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 2.6% ขณะที่ Nasdaa, S&P500 ปรับลงราว 3% รับแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ด้านราคา น้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.66% นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของแต่ละสินทรัพย์ยังคงแสดงถึงภาวะปิดรับความเสี่ยงโดยนักลงทุนขายทั้งตลาดหุ้น (ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปรับลง) พร้อมกับตลาดตราสารหนี้ที่ปรับลงเช่นกัน (Bond Yield ปรับขึ้น) แม้กระทั่งสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำก็ยังเห็นการปรับลง และอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ที่ Underperform สุดยังเป็นกลุ่ม Technology ซึ่งวันนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อเนื่องในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในไทย (DELTA HANA KCE) ในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ได้รายงานดัชนี PMI ภาคบริการจากสถาบัน ISM ที่ระดับ 51.4 เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม รายการอื่นๆดีกว่าที่คาดการณ์ อาทิ การจ้างงาน คำสั่งซื้อและราคาแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลแต่อย่างใด โดยเช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นมาได้ราว 8% แต่อย่างไรก็ตามยังมองเป็นเพียงการฟื้นตัวระยะสั้นจากการปรับลงมาแรง แต่ปัจจัยกดดันอย่างความกังวลเศรษฐกิจถดถอยยังคงปกคลุมอยู่รวมไปถึงการทำ Carry Trade เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการลงทุน (กู้เงินประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำไปลงทุนประเทศที่ดอกเบี้ยสูง) ส่วนตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลง 2.9% แต่ก็ถือว่า Outperform ภูมิภาค (เวียดนามปรับฐาน 3.9% อินโดนีเชีย – 3.4%) คืนนี้ไม่มีปัจจัยที่ต้องติดตามส่วนในประเทศรอติดตามเงินเฟือไทยพรุ่งนี้เช้า Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.7%YoY 

วันนี้ประเมิน SET INDEX อาจเห็นการฟื้นตัวระยะสั้นในกรอบ 1275 – 1285 เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะกลาง ขึ้นไปยังมองระดับดัชนีปัจจุบันเป็นโอกาสสะสมจาก Valuation ที่น่าสนใจ แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นแนะนำชะลอ การลงทุนจากความผันผวนที่ยังมีอยู่แต่หากรับความเสี่ยงได้สูงเน้น Trading ในหุ้นที่ปรับลงมาแรงจากความคาดหวังจะมีแรงซื้อกลับ อาทิ (CRC DOHOME GLOBAL HMPRO PLANB)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท)

มองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจฮาร์ดไลน์ของ CRC หลังเยี่ยมชมไทวัสดุสาขาบางนา ซึ่งเป็นสาขาที่รวมไทวัสดุ และ BNB ไว้ที่เดียวกัน โดยเราเชื่อโมเดลนี้จะทำให้ไทวัสดุสามารถเจาะกลุ่มลูกค้า B2C และสร้างการเติบโตของยอดขายตามเป้าหมายของบริษัทที่ 12%CAGR (2023-2028) ในแง่ของอัตราการทำกำไร เราเชื่อว่าจะขยายตัวได้จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brands จากปัจจุบันที่ 20% ซึ่งจะหักกลบกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เห็นได้จากที่ HomePro ส่ง Mega Home มาเจาะตลาด B2B

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิงวด 2Q24 อยู่ที่ 4,238 ล้านบาท (+28%YoY, +5%QoQ) ได้รับผลดีจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามากว่า 1,960 ล้านบาท (+92%YoY,+50%Q∞Q) ขณะที่ธุรกิจอื่น ยังคงเติบโตเช่นกันทั้งศูนย์การค้าที่รับรู้รายได้จากศูนย์ใหม่เต็มไตรมาส หรือธุรกิจ โรงแรมที่เปิเพิ่มขึ้น

- Advertisement -