ซินเน็คฯ ปิดดีล Autodesk คว้าสิทธิ์เป็นเอ็กซ์คลูซีฟดิสทริบิวเตอร์ในไทย เดินหน้าบุกตลาดซอฟต์แวร์ วางเป้าปีนี้ทำรายได้ 1,500 ล้านบาท
บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX ผู้นำไอทีดิสทริบิวเตอร์ในประเทศไทย ได้รับการแต่งตั้งจาก Autodesk หนึ่งในผู้นำด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะระดับโลก ไว้วางใจให้ซินเน็คฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว จากการเล็งเห็นโอกาสในตลาดซอฟต์แวร์มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ อีกทั้งเป็นสินค้าในกลุ่มไฮมาร์จิ้น พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท และจัดตั้ง Autodesk Experience Center เพื่อขยายฐานลูกค้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผู้นำด้านไอทีอีโคซิสเต็ม เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยซินเน็คฯ เล็งเห็นโอกาสเพื่อเพิ่มฐานรายได้ อีกทั้งเป็นการขยายการให้บริการให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึง การสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงรับเมกะเทรนด์ในยุคดิจิทัลและ AI
ล่าสุด ซินเน็คฯ ได้ลงนามในสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Autodesk Inc. และได้รับการแต่งตั้งเป็นดิสทริบิวเตอร์ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวอย่างเป็นทางการ โดยได้เซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ Autodesk หนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะและโปรแกรมออกแบบ ที่มีมูลค่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีสำนักงานใหญ่ทั้งในสหรัฐอเมริกาและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซินเน็คฯ ในฐานะผู้นำดิสทริบิวเตอร์ไอทีอันดับ 1 ในประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 70 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก มีสินค้าไอทีและเทคโนโลยีครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ พร้อมด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายร่วมกับพาร์ทเนอร์กว่า 6,000 ราย ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอกย้ำการเป็น Service Provider ที่ส่งมอบบริการที่ครบวงจร พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนการขยายตลาดในประเทศไทยให้แก่ Autodesk รวมทั้ง ซินเน็คฯ ได้จัดทำ Autodesk Experience Center เพื่อให้ลูกค้าหลากหลายกลุ่มเข้ามาทำ workshop โดยมีสถานที่ในการจัดสัมมนา และอบรม ที่ครบครัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์ลูกค้าในการส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ สร้างความเชื่อมั่นให้กับ Autodesk ที่เลือกให้ซินเน็คฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน
สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะขยายช่องทางการเติบโตร่วมกัน ทั้งผ่านช่องทาง Contract Partner ที่แข็งแกร่งของ Autodesk และพาร์ทเนอร์ที่ขายซอฟต์แวร์ โดยซินเน็คฯ จะเข้ามาสนับสนุนการทำการตลาดและร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพิ่มเติม อาทิ สภาอุตสาหกรรม, สภาวิศวกรรม และสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เพื่อจัดอบรม และสนับสนุนด้านการเป็น Training Center และเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีการออกแบบต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นกลุ่มลูกค้าองค์กรในทุกขนาดที่เกี่ยวข้องกับงานสถาปัตยกรรม ก่อสร้าง โรงงาน มีเดีย ผู้ผลิตภาพยนตร์ โฆษณา ผู้เขียนแบบ และงานออกแบบงานด้านวิศวกรรม โดยเฉพาะโปรแกรมออกแบบชื่อ AutoCAD ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสำหรับการออกแบบ และวางโครงสร้างทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เป็นโปรแกรมที่บุคลากรในแวดวงสถาปนิก วิศวกร ใช้ในการออกแบบ อีกทั้งยังพัฒนาให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ที่แบ่งในหลายกลุ่มธุรกิจอย่างครบครัน
อย่างไรก็ดี การบุกตลาดซอฟต์แวร์ของซินเน็คฯ ในครั้งนี้ จะสนับสนุนรายได้ที่เข้ามาแบบ recurring income โดยตั้งเป้ายอดขายจาก Autodesk เติบโตอยู่ที่ 1,500 ล้านบาทในปี 2567 และ 3,500 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2567-2571) ซึ่งคาดว่าถ้าบันทึกรายได้เข้ามาเต็มปี อีกทั้งยังเป็นกลุ่มสินค้าที่เป็นไฮมาร์จิ้น ที่ซินเน็คฯ ได้วางกลยุทธ์ในการเพิ่มสัดส่วนและโฟกัสสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย น่าจะผลักดันให้สินค้าในกลุ่มคอมเมอร์เชียล มีสัดส่วนที่เติบโต และมีความมั่นคงในการรับรู้รายได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่ ซินเน็คฯ วางเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ ทะยานสู่ 40,000 ล้านบาท
Mr. Sin Yip Low, Senior Channels Manager ASEAN, Autodesk เปิดเผยว่า จากเทรนด์การเติบโตในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ทั่วโลก และโดยเฉพาะในประเทศไทย เพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมยุคใหม่ และการสนับสนุนจากภาครัฐบาลเพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนให้ Autodesk ยกระดับการพัฒนาซอฟต์แวร์อัจฉริยะให้ทำงานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการจับมือพาร์ทเนอร์รายสำคัญในครั้งนี้ ได้แต่งตั้งให้ซินเน็คฯ เป็นดิสทริบิวเตอร์ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว เพราะมองเห็นศักยภาพและความแข็งแกร่งของซินเน็คฯ ในการเข้ามาช่วยผลักดันตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น และขยายฐานลูกค้าใน 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย กลุ่มราชการ กลุ่มโรงงาน และกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการต่อสัญญา ตามแนวโน้มความต้องการทางดิจิทัล เชื่อว่าจะทำให้ Autodesk สามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำซอฟต์แวร์อัจฉริยะและโปรแกรมด้านการออกแบบชั้นนำของประเทศไทยได้