Daily Focus: Defensive and Earnings Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้แข็งแรงในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะทยอยอ่อนตัวลงและย้อนลงมาปิดลบบางๆ 0.66 จุด ที่ระดับ 1,274.01 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 3.8 หมื่นลบ. โดยรวมตลาดเป็นเพียงการเกิด Technical Rebound ระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมยังขาดปัจจัยบวกใหม่ สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 547 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 724 ลบ. (แต่ Short Index Futures เหลือเพียงบางๆ หลังจาก Short หนาแน่น 2 วันก่อนหน้า)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,265-1,280 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนเพิ่มเติมหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกเกิด Technical Rebound ระยะสั้นวานนี้ ขณะที่ตลาดยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าจะชะลอตัวต่อเนื่อง และทำให้ FED จำเป็นต้องเร่งปรับลดดอกเบี้ยอย่างที่กังวลหรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำกัดการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงยังคงมีความกังวลว่าการเทขายเพื่อทำกำไรอาจยังมีโอกาสเกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด VIX Index ย่อตัวลงเหลือ 27.71 จุด แต่ยังสูงกว่าระดับปกติที่ราว 12-15 จุดอยู่มาก สะท้อนความกลัวที่ยังมีอยู่ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค. (ตลาดคาด Headline +0.7% y-y Core +0.4% y-y) หากออกมาต่ำกว่าคาด รวมถึงตัวเลข GDP 2Q24 ที่จะประกาศวันที่ 19 ส.ค. จะเพิ่มโอกาสที่กนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้บ้าง ส่วนปัจจัยการเมืองวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านค่ำวินิจฉัยยุบ/ไม่ยุบพรรคก้าวไกลเวลา 15.00 น. เราเชื่อว่าคดีนี้จะไม่ได้มีผลกับตลาดอย่างมีนัยยะ และให้น้ำหนักกับการวินิจฉัยคดีของนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. เป็นหลัก หากผลออกมาเป็นคุณจะทำให้ Upside ระยะกลาง-ยาวเปิดกว้างขึ้นจากปัจจัย Overhang ที่หายไป ส่วนระยะสั้นคาดหุ้นในกลุ่ม Defensive และ Consumer Staple จะยังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR TU

หุ้นเด่น Finansia 7 ส.ค. 24 : MTC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท
  • กำไรสุทธิ 2Q24 ออกมาที่ 1.44 พันลบ. +4% q-q, +20% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาดราว 3% หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของ ECL และ Credit Cost โดยกำไร 1H24 +25% y-y คิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี
  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าคาดทั้ง NPL ratio และ Credit costs ที่ต่ำกว่าคาด รวมถึง Coverage ratio ที่ดีกว่าคาด แนวโน้มกำไร 2H24 คาดเร่งขึ้น h-h จากการเข้าสู่ฤดูกาลของสินเชื่อ Credit costs และ Cost-to-income ratio ที่มีแนวโน้มปรับตัวลง เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 6.3 พันลบ. +28% y-y 
  • แนวรับ 38-37.50 บาท แนวต้าน 42.75-43 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$1,148 ล้าน หลังจากไหลออกหนักในช่วงหลายวันก่อนหน้า เม็ดเงินพลิกมาไหลเข้าไต้หวันสูงสุด US$1,078 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลเข้าบางๆ US$138 ล้าน ด้านอาเซียนเม็ดเงินพลิกมาไหลออกทุกประเทศประเทศละ US$7-29 ล้าน สูงสุดที่เวียดนาม ต่ำสุดที่อินโดนีเซีย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดจะผสมผสานและอาจค่อนมาในทิศทางไหลออก ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ส่วนความกังวลด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯและโอกาสยังเห็นแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงอยู่

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) BCH, CHG ข่าว SSO จะปรับลด RW>2 ลงจาก 12,000 บาท/RW เป็น 7,200 บาท/RW เนื่องจากงบประมาณรัฐไม่พอ คาดกระทบกำไรของ BCH และ CHG ราว 50-60 ลบ. และ 35-45 ลบ. ตามลำดับ ซึ่งเราได้รวมไว้ในประมาณการปี 2024 แล้ว และคาดจะบันทึกผลกระทบดังกล่าวลงใน 2Q24 ทำให้คาดงบ 2Q24 ตอนแรกคาดกำไร BCH ที่ 326 ลบ. จะลดเหลือ 266-276 ลบ. ส่วน CHG คาดไว้ 241 ลบ. จะลดเหลือ 196-206 ลบ. อย่างไรก็ตาม คาดข่าวนี้จะมีผลกระทบกับราคาหุ้นเล็กน้อย เนื่องจากตลาดรับรู้มาซักระยะแล้ว สำหรับ BCH ราคาเป้าหมาย 22 บาท และ CHG ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ITC กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 1 พันลบ. +23% q-q, +127% y-y ดีกว่าเราคาด 3% และดีกว่าตลาดคาด 13% รายได้รวมโตดีทุก Segment ทั้งปริมาณกาขายและราคาค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาก ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าราว 90% ของเป้ารายได้ใน 3Q24 ที่คาดจะโตอย่างน้อย 15% y-y แต่อาจทรงตัว q-q  คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 27 บาท ยังแนะนำ ” ซื้อ” นอกจากนี้บริษัทจะให้เงินกู้ยืมแก่ TU 1.1 หมื่นลบ. โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นวันที่ 30 ก.ย. นี้

(0) SHR ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 2Q24 ที่ 81 ลบ, ดีขึ้นจากขาดทุน 119 ลบ. ใน 2Q23 ตามที่เราคาด แนวโน้ม 3Q24 น่าจะกลับมาเป็นกำไร เนื่องจากโรงแรมในฟิจิอยู่ในช่วง high season อัตราการเข้าพักของโรงแรม Mauritius กลับมาเป็นปกติ และโรงแรมในอังกฤษจะดีขึ้นจากผลของฤดูกาล คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 3.80 บาท Valuation ถูก เทรด PBV เพียง 0.4 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) DOHOME กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 193 ลบ. -21% q-q จากอัตรากำไรขั้นตันที่แคบลงตามสัดส่วนสินค้ากลุ่มก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่ +390% y-y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับสูงขึ้นเพราะไม่มี Stock clearance เหมือนใน 2Q23 ส่วน SSSG 2024 ติดลบ – 5.3% y-y เทียบกับ -9.8% y-y ใน 1Q24 เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ SSSG จากตัวเลข SSSG ในเดือนก.ค. 2024 กลับมาเป็นบวก 2-3% จาก SSSG ของเหล็กเป็นบวก 5% Y-Y คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 11.80 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) PSL เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2024-27 ขึ้น 11%/11%4% ตามลำดับ โดยปรับเพิ่มรายได้จากการขนส่งทางเรือเฉลี่ยต่อวันเป็น USD13,484 (+24% y-y), USD14,107 (+4% y-y), และ USD14,538 (+4% y-y) ในปี 2024-27 ทำให้กำไรปกติเติบโต 132%/3%/-0.2% ในปี 2024-27 ตามลาดับ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 11 บาท (เดิม 10.30 บาท) อิง 2024E P/E ที่ 10.2x ค่าระวางเรือกำลังเข้าสู่ high season ใน 3Q คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 294.39 จุด หรือ +0.76% ปิดที่ 38,997.66 จุด เนื่องจากการแสดงความเห็นเชิงบวกของเจ้าหน้าที่เฟด ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและกลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากร่วงหนักเมื่อวันจันทร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้นนอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ โดยตลาดนิกเอิกลับมาเปิดลบราว 2% โดยในวันนี้จะมีรายงานตัวเลขส่งออก/นำออก ของจีน ซึ่งตลาดคาดว่ายอดจะขยายตัว 9.7%m-m และ 3.5% m-m ตามลำดับ

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 35.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.01%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังมีรายงานว่าอิหร่านจะทำการตอบโต้อิสราเอล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงเตหะรานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 73.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.60%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ 2,431.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ตาม  ราคาทองคำลดช่วงลบ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์ตึงเครียดใน ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,426.20 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -0.22%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 848.06/ +0.37%

- Advertisement -