Daily Focus: ฟื้นต่อแต่ Upside ไม่กว้าง รอตัวเงินเฟ้อสหรัฐฯและคดีนายกฯ

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ระหว่างวันปรับตัวเหนือ 1,300 จุดได้ แต่มีแรงขายออกมาในช่วงบ่ายและทำให้ดัชนีลดช่วงบวกเหลือเพียง 0.82 จุด ที่ระดับ 1,297.07 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 4.3 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 588 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางๆ 51 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 1.26 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ขึ้นยืนเหนือ 1,300 จุด นำโดยกลุ่มพลังงานที่คาดหนุนตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรง 4% จากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดขึ้นหลังสหรัฐฯส่งกองกำลังเข้าไปตะวันออกกลางเพื่อปกป้องอิสราเอลหากถูกอิหร่านโจมตี ขณะที่โฟกัสของทั่วโลกสัปดาห์นี้อยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI และ CPI สหรัฐฯในช่วงกลางสัปดาห์ว่าจะเห็นทิศทางการชะลอตัวต่อเนื่องหรือไม่ แต่น้ำหนักสูงสุดที่ตลาดมองปัจจุบันยังคงอยู่ที่ตัวเลขภาคแรงงานเป็นหลัก ส่วนความ Panic ที่เกิดขึ้นสัปดาห์ก่อนคลี่คลายไปแล้วพอสมควรโดยล่าสุด VIX Index ปรับลงสู่ระดับ 20.71 จุด เกือบเข้าใกล้ระดับปกติมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศคาดว่ายังจำกัด Upside การฟื้นตัวให้ไม่กว้างมากนักจากการวินิจฉัยคดีของนายกฯเศรษฐาวันที่ 14 ส.ค. ว่าจะออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษ ส่วนด้านผลประกอบการบจ. 2Q24 เท่าที่ประกาศออกมาแล้วโดยรวมยังดีกว่าคาดเล็กน้อย และช่วยจำกัด Downside ของ EPS ปี 2024 นอกจากนี้ยังมี Catalyst บวกเพิ่มเติมหลังก.คลังเตรียมแถลงข่าวกองทุนวายุภักษ์ 1 วันนี้ คาดกรอบวงเงินระดมทุน 1-1.5 แสนลบ. ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ช่วยหนนการฟื้นตัวของ SET Index ในระยะถัดไป

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ศ.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, HANA, KCG, KTB, SHR, SJWD, TU

หุ้นเด่น Finansia 13 ส.ค. 24 : TOP

– แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 65 บาท

– ระยะสั้นคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ที่ดีดตัวขึ้นแรง ล่าสุด Brent ปรับตัวแตะระดับ US$82 ต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าการกลั่นสัปดาห์ก่อนปรับขึ้นเป็น US$6.89 ต่อบาร์เรลจาก 2Q24 ซึ่งอยู่ที่ราว US$3 ต่อบาร์เรล รวมถึงแนวโน้ม Crude Premium ลดลง ทำให้โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดว่าจะเร่งขึ้นโดดเด่น 

– ธุรกิจอะโรเมติกส์มีแนวโน้มดีขึ้นจากอุปสงค์ที่คาดทยอยเพิ่มขึ้นขณะที่ไม่มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด ส่วนโครงการ CPF ก่อสร้างเสร็จแล้วกว่า 97% และจะเริ่ม COD ได้ใน 1Q25 ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและค่าการกลั่นขึ้นได้

– แนวรับ 49//47.25 บาท แนวต้าน 51-52//54 บาท 

Fund Flow : ช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมากระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$1,110 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,059 ล้าน แต่ไหลออกจากเกาหลีใต้บางๆ US$18 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศแต่กระจุกตัวสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$59 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนมาในทิศทางไหลเข้าแต่ปริมาณคาดไม่หนาแน่น นักโดยตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PPI CPI สหรัฐฯสัปดาห์นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CBG กำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 691 ลบ. +10% q-q, +43% y-y ใกล้เคียงคาด จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวดี ส่วนรายได้จากเครื่องดื่มในประเทศโตดีได้ market share เพิ่มเป็น 24% จาก 23.5% ใน 1Q24 แนวโน้มกำไร 2H24 น่าจะปรับขึ้นเล็กน้อย ยังคาดหวังการเติบโตของเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจากการทำโปรโมชั่น ส่วนรายได้ต่างประเทศน่าจะทรงตัว h-h ตามฤดูกาล ล่าสุด CBG เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ Mr.Him Try และ Mr.Chea Seng ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Carabao ในกัมพูชา จัดตั้งบริษัท คาราบ้าว (กัมพูชา) ทุน 1.45 พันลบ. โดย CBG จะถือหุ้น 60% เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในกัมพูชาคาดเริ่มผลิต 3Q26 เราอยู่ระหว่างอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมจากประชุมนักวิเคราะห์

(+) TFG กำไรปกติ 2Q24 สูงถึง 1.1 พันลบ. +12X q-q, +5x y-y ดีกว่าคาดถึง 51% และเป็นกำไรสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส เราเห็น upside ต่อประมาณการกำไรทั้งปีของเรา หลังบริษัทมีกำไรสุทธิ 1H24 เท่ากับ 1.03 พันลบ. +108% y-y คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q24 จะปรับขึ้นได้ต่อ จากช่วง high season ของธุรกิจส่งออก, ราคาหมูไทยปรับขึ้นต่อ, ต้นทุนวัตถุดิบยังทรงตัวต่ำ และจะกลับมาขยายสาขาใหม่ Retail shop มากขึ้นใน 2H24

(+) BTG 2Q24 พลิกมีกำไร 627 ลบ. ดีกว่าทั้งเราและตลาดคาดราว 15%-19% จากอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นมากกว่าคาด โดยได้ปัจจัยหนุนจากราคาหมูที่ปรับขึ้นเข้าใกล้ต้นทุนการเลี้ยง ช่วยรายได้เพิ่มขึ้นและรับรู้ตันทุนวัตถุดิบที่ลดลง แนวโน้ม 3Q24 ยังดูดีต่อ รับรู้ราคาหมูในไทยที่สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงได้เต็มไตรมาส และคาดต้นทุนวัตถุดิบใน 3Q ยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะมีสต็อกไว้ล่วงหน้า ลุ้นกำไร 3Q24 แตะระดับ 1 พันลบ. ได้อีกครั้ง ล่าสุดราคาหมูไทยและไก่ไทย ยังอยู่ในระดับที่ดี แนะนำเก็งกำไร

(+) BA กำไรปกติ 2Q24 ที่ 0.7 พันลบ. +54% y-y สูงกว่าเราคาด 30% จากกำไรขั้นต้นจาก ธุรกิจสายการบิน, รายได้ดอกเบี้ย, และรายได้จากการลงทุนสูงกว่าที่คาดไว้ แนวโน้ม 3Q24 จะยังแข็งแกร่ง จากฤดูท่องเที่ยวในสมุยในช่วงเดิน ก.ค – ส.ค. ตามข้อมูลจาก CAAT ปริมาณ ผู้โดยสารเฉลี่ยในสมุยในเดือนก.ค. 2024 อยู่ที่ 8,200 คน/วัน +18-19% y-y กำไรปกติ 1H24 คิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปีที่ 3.3 พันลบ. คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 28 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) CH กำไรปูกติสูงเป็นประวัติการณ์ 69 ลบ. +196% q-q, +374% y-y ดีกว่าคาดถึง 20% จากอัตรากำไรขั้นตันที่สูงกว่าคาด ทำให้กำไร 1H24 เป็น 93 ลบ. โตก้าวกระโดดกว่า 9 เท่า y-y แม้กำไร 1H24 จะคิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีที่เราคาดู 132 ลบ. +155% y-y แต่เราคงประมาณการไว้ก่อนเพราะ 2Q เป็น peak season และคำสั่งซื้อที่มากจากตลาดสหรัฐใน 2Q อาจมีผลของการเร่งซื้อก่อนเกิดสงครามการค้าสหรัฐ-จีนและก่อนที่สายเรืออาจขาดแคลน ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท คงคำแนะนำ “ถือ”

(+) FSSIA Portfolio Update เราถอด TIDLOR ออก และเพิ่ม KTB และ HANA ทำให้ล่าสุดหุ้นใน Portfolio ประกอบด้วย AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, HANA, KCG, KTB, SHR, SJWD, และ TU

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 51.05 จุด หรือ +0.13% ปิดที่ 39,497.54 จุดหลังฟื้นตัวขึ้นเกือบหมดจากการร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ซึ่งเกิดจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการลดการทำธุรกรรม carry trade ในสกุลเงินเยน ซึ่งเป็นการกู้ยืมสกุลเงินเยนที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ เพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ขณะนักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชื้นโยบายการเงินท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปจำนวนมาก

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสม ตามตลาดสหรัฐฯ ที่ผันผวนเมื่อวานนี้ ขณะที่ระหว่างสัปดาห์จะมีรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.26%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 80.06ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 79.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.45%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30.60 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 2,504.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,511.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.31%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 849.79/ +0.34%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

13 ส.คสหรัฐ: เงินเฟ้อ PPI (ก.ค)
14 ส.คไทย: ศาลฯวินิจฉัยคดีของนายกฯเศรษฐา

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

ยูโรโซน: GDP 2024 คาดการณ์ครั้งที่ 2

สหรัฐ: เงินเฟ้อ CPI (ก.ค)

15 ส.ค.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

จีน: ยอดค้าปลีก (ก.ค)

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)

16 ส.ค.อังกฤษ: ค้าปลีก (ก.ค.)

สหรัฐ: Building Permits Prel (ก.ค.)

19 ส.ค.ไทย: GDP growth (2Q24)
- Advertisement -