PQS โชว์งบ 6 เดือนปี 67 สุดแจ่มกำไรสุทธิโตกระโดด 467% รับอานิสงค์ “ยอดขายแป้งมันพุ่ง-ราคาขายเพิ่ม-ต้นทุนลดลง” บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.05 บาท/หุ้น สะท้อนกำไรโดดเด่นครึ่งปีแรก กำหนดจ่ายปันผล 6 ก.ย.นี้
บมจ.พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช (PQS) โชว์ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 สุดแจ่มทำรายได้รวม 1,300.7 ล้านบาท กวาดกำไรสุทธิ 126.8 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 467.6% รับอานิสงค์ปริมาณขาย และราคาขายเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำลังการผลิตปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 94% จากเดิม 74% และบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนความคืบหน้าโรงงานใหม่ที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขยายกำลังผลิตแป้งมันสำปะหลัง และโรงงานผลิตแป้งมันดัดแปรต่อยอดสู่ธุรกิจปลายน้ำ ที่ จ. มุกดาหาร พร้อมเปิดดำเนินการปีนี้ ชี้ตลาดส่งออกแป้งมันไปจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน สหรัฐเติบโตดี
นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (Premium Grade) และแป้งดัดแปร (Modified Starch) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือน ปี 2567บริษัทมีรายได้รวม 1,300.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.9 ล้านบาท หรือ 5.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.2% เพิ่มขึ้น จาก 9.6% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปีนี้ 126.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 467.6%เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.3 ล้านบาท
สำหรับงวด 3 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 451.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนและขาดทุนสุทธิ 1.9 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 34.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 94.4%
“บริษัทมีรายได้จากการขายในครึ่งปีแรก 1,271.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายแป้งมันฯ เพิ่มขึ้น 8.3% แม้ว่าปริมาณขายแป้งมันฯ จะลดลงราว 10% อย่างไรก็ดีราคาขายแป้งมันฯ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน “นายรัฐวิรุฬห์กล่าว
ขณะที่ต้นทุนขายในครึ่งปีแรก ปี 2567 อยู่ที่ 1,001.6 ล้านบาท ลดลง 6.9% จาก 1,075.4ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าบริษัทจะมีปริมาณผลิตได้เพิ่มขึ้นถึง 28.8%เนื่องจากราคาวัตถุดิบมันสำปะหลังสดต่อหน่วยลดลง ทำให้บริษัทสามารถซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตแป้งมันสำปะหลังในปริมาณที่มากขึ้น ประกอบกับคุณภาพของวัตถุดิบหัวมันที่ดีในไตรมาสนี้
สำหรับโครงการลงทุนเพื่อการเติบโตของบริษัท ณ ปัจจุบัน ในส่วนโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ปัจจุบันและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มทดลองการผลิตแล้ว และจะทยอยรับรู้รายได้ ภายในปีนี้
ส่วน โครงการเพื่อขยายฐานธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยเป็นการสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น โครงการนี้มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง แล้วราว 95%
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่า มูลค่าการส่งออกแป้งมันสำปะหลังของไทยในครึ่งปีแรกปี 2567 อยู่ที่ 31,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปยังจีนและอินโดนีเซียที่เพิ่มขึ้นรวมกว่า 8,779 ล้านบาท หรือ 72.4% นอกจากนั้น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และมาเลเซียมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปี 2566 ส่งผลให้มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อคิดเป็นเงินบาท
สำหรับราคาตลาดของแป้งมันสำปะหลังส่งออกในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา โดยที่ราคาส่งออกเฉลี่ยในไตรมาสอยู่ที่ 552 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ต่ำลงกว่าไตรมาส 2/2566 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 562 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีมติให้จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33.50 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล (XD) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 กันยายน 2567