KS Daily View 14.08.2024 >>> จับตาตัดสินคดีถอดถอนนายกฯ 15.00 น. คาดดัชนีวันนี้ซื้อขายในกรอบ 1,290 – 1,330 จุด แนะนำ BEM, PRM
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศวันนี้: ประเมินดัชนีวันนี้แกว่งตัวในกรอบ รอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายกฯ วันนี้ช่วงเวลา 15:00 โดยคาดดัชนีซื้อขายในช่วง 1,290-1,330 จุด มองหากศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านและที่มาของนายกฯ โดยหากสามารถเลือกนายกฯคนใหม่ได้เร็วและยังมาจากพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าผลกระทบเชิงลบจะจำกัดเนื่องจากนโยบายและมาตรการต่างๆจะยังมีความต่อเนื่อง การปรับตัวลงของดัชนีและหุ้นในตลาดอาจเป็นการปรับลงในระยะสั้นและฟื้นตัวกลับได้กลยุทธ์ลงทุนอาจเน้นหุ้นผลประกอบการดีโตทั้ง QoQ และ YoY (selective mode) เชื่อราคาหุ้นจะมีเสถียรภาพมากกว่าหรือฟื้นตัวได้เร็ว แต่หากใช้เวลาเปลี่ยนผ่านนายกฯนานหรือมาจากพรรคอื่น ตลาดอาจมีความกังวลถึงนโยบายต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหรือต้องใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต กลยุทธ์การลงทุนอาจต้องเน้นหุ้นตั้งรับ (risk-off mode) ในกลุ่มโรงพยาบาล สื่อสารและโรงไฟฟ้าเช่น BDMS BH INTUCH ADVANC GULF อย่างไรก็ดีหากศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรี มองฉากทัศน์ของประเด็นการเมืองจะมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์การลงทุนอาจสามารถปรับหุ้นในพอร์ตรับความเสี่ยงมากขึ้น (risk-on mode) เช่น CPALL CPAXT DELTA PTT MTC
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอการขายกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ในไตรมาสสามปีนี้ โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ประมาณ 1 แสน – 1.5 แสนล้านบาท และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 10 ปี ทั้งนี้ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลตามอัตราผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุน แต่ไม่น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มองเป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย
2.รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 ส.ค. 67 ที่ 21.80 ล้านคนเติบโตขึ้น 33% YoY ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 751,419 คน เพิ่มขึ้น 5.80% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่มีวันหยุดเทศกาลโอบ้ง มองเป็นบวกเล็กน้อยกับกลุ่มท่องเที่ยว
3.ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ Producer Price Index (PPI) ของสหรัฐในเดือน ก.ค. ออกมาที่ +0.1% MoM ชะลอตัวลงจากเดือนที่ผ่านมาที่ +0.2% MoM และออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่อาจส่งสัญญาณภาคเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวและกระตุ้นให้เฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยในประเทศตลาดยังคงจับตามมองผลการตัดสินคดียืนฟ้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากการร้องเรียน 40 สว. ในวันนี้
4.สหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการเพิ่มโควต้านำเข้าแผงโซลาร์เซลล์แบบปลอดภาษีจากเดิม 5 กิกะวัตต์เป็น 12.5 กิกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตภายในประเทศที่ยังต้องพึ่งพาอุปกรณ์จากต่างประเทศ โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าที่ปัจจุบันอยู่ที่ 14.25% นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลไบเดนในการสนับสนุนพลังงานสะอาดและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ
5.สิงคโปร์ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2024 เป็น 2-3% จากเดิม 1-3% หลังจากผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) ในไตรมาสที่สองขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้น 2.9% โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่แม้จะหดตัวลง 1.0% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็ดีกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ ความต้องการจากสหรัฐและจีนอาจลดลง แต่ตลาดอื่น ๆ ในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจปรับตัวดีขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
BEM: ราคาพื้นฐานที่ 10.33 บาท
บริษัทรายงานกำไร Q2/67 ที่ 1 พันลบ. เติบโตสูง 18% QoQ และ 11% YoY โดยกำไรที่รายงานออกมาถือเป็นการแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท จากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงรายได้เงินปันผลจาก CKP และ TTW มองไป Q3/67 คาดว่าโตต่อและจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีก ทำให้เรามองมีโอกาสที่เราอาจต้องปรับคาดการณ์กำไรปีนี้ที่เรามองไว้ขึ้นเพื่อสะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1H24 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลประกอบการครึ่งหลังของปีมักดีกว่าครึ่งแรก
PRM: ราคาพื้นฐาน 9.25 บาท
บริษัทรายงานผลประกอบการ Q2/67 ที่ 639 ลบ. เติบโตแรง 19% QoQ และ 27% YoY โดยกำไรรายงานออกมาดีกว่าที่เราคาด 8% และสูงกว่าที่ตลาดประเมิน 13% ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาสนี้ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขับเคลื่อนจากรายได้ที่เติบโตได้ดีกว่าคาดโดยขยายตัวได้ทั้ง QoQ และ YoY ทั้งที่ Q2 มักเป็นช่วง low season ของธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี อีกทั้งอัตราการใช้เรือ FSU ไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 84% เพิ่มขึ้นจาก 52% 68% และ 71% ในไตรมาส 3/2566-1/2567
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไตรมาสที่สองปี 2024 ครั้งที่สองของโซนยุโรปเทียบกับครั้งก่อนหน้าที่ +0.6% YoY ต่อด้วยการายงานฝั่งสหรัฐในตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +3.0% YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และตัวเลขเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ตลาดคาดการณ์ที่ +3.2% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +3.3% YoY ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามผลการวินิจฉัยของคดีนายกรัฐมนตรีที่ยื่นฟ้องโดย 40 สว.
- วันพฤหัสฯ ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่างดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial production) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +5.5% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +5.3% YoY และ ดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +2.6% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.3% YoY ต่อด้วยตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐใน ดัชนียอดค้าปลีก (Retail sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ +0.4% MoM เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +0.0% YoY และปิดท้ายด้วย รายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.33 แสนตำแหน่ง
- วันศุกร์ ติดตามรายงานใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน (Building Permits) ของสหรัฐ เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.43 ล้านหลัง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.45 ล้านหลัง และ จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง (Housing Starts) ของสหรัฐ เดือน ก.ค. ตลาดคาดการณ์ที่ 1.34 ล้านหลังชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.35 ล้านหลัง