SAPPE โชว์ผลงาน Q2/67 กวาดยอดขาย 1,996 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 31.5% รุกต่อยอดความสำเร็จหลังเปิดตัว ‘SEVENTEEN’ มุ่งปั้นแบรนด์ Mogu Mogu แข็งแกร่งในตลาดโลก

‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ทำกำไรสุทธิ 410.7 ล้านบาท และมีรายได้จากการขาย 1,996.2 ล้านบาท ดันผลงานครึ่งแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิ 763.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.0% และมีรายได้จากการขาย 3,832.3 ล้านบาท เติบโต 20.6% ทำ All Time High ต่อเนื่อง พร้อมรุกต่อยอดความสำเร็จหลังเปิดตัว First Global Brand Ambassador วง ‘SEVENTEEN’ เตรียมแตกไลน์สินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ Mogu Mogu อีกเพียบ พร้อมลุยปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่งในตลาดโลก

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 (เมษายน – มิถุนายน) เซ็ปเป้มีรายได้จากการขาย 1,996.2 ล้านบาท เติบโต 20.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 1,656.9 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 410.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 312.3 ล้านบาท ทำ All Time High ต่อเนื่อง ผลักดันให้ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 3,832.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,177.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 763.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 587.1 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 20.6% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 18.8% โดยเป็นการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับตลาดต่างประเทศที่มีการส่งออกสินค้าไปยัง 100 ประเทศทั่วโลก เซ็ปเป้มีรายได้จากการขาย 1,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะตลาดในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 42.3% และ 31.9% ตามลำดับ ส่งผลให้ช่วงครึ่งแรกปี 2567 เซ็ปเป้มีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 83% โดยเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการบริโภคสินค้าของกลุ่มลูกค้าเดิม และความสามารถในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในกลุ่มลูกค้าใหม่ อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้ได้ทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องในทวีปเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยล่าสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Mogu Mogu ได้เป็นส่วนหนึ่งและร่วมออกบูธโชว์เคสผลิตภัณฑ์ Mogu Mogu ในงาน “2024 SVT 8TH FAN MEETING -SEVENTEEN in CARAT LAND จัดขึ้นที่ Gocheok Sky Dome ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการรวมตัวแฟนคลับที่เป็นกลุ่ม GenZ จากทั่วโลกมาร่วมในงานนี้อาทิ แฟนคลับจากฝั่งประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อเมริกา และยุโรป ซึ่งมีจัดในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ไลฟ์สตรีมมิ่ง โดยนอกจากแฟนๆ จะได้ทำกิจกรรมและรับของรางวัลมากมายภายในงานจาก Mogu Mogu ที่พิเศษไปกว่านั้นคือการที่ศิลปิน SEVENTEEN ทั้ง 13 คน สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนคลับด้วยการพูดคุยและนำผลิตภัณฑ์ Mogu Mogu ร่วมทำกิจกรรมกับเหล่าแฟนคลับ (กะรัต) อย่างสนุกสนาน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับแบรนด์สินค้าของไทย ที่เข้าร่วมจัดอีเว้นท์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก และเกิดกระแสการพูดถึงศิลปินและ Mogu Mogu บน Social Media เป็นอย่างมาก

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดในประเทศ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขาย 338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการเติบโตของทุกแบรนด์ โดยเฉพาะเครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินแบรนด์ B’lue และมะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco ที่มีการเติบโตโดดเด่นในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ขณะที่แบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ (Sappe Beauti) เติบโตได้ดีในช่องทางร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกได้ออกสินค้าใหม่แบรนด์ B’lue 2 รสชาติ 2 อารมณ์ คือ “รสอกหัก” และ “รสคลั่งรัก” และผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี

“เรายังเดินตามเป้าหมาย ในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็น Global Brand โดยนอกจากการเพิ่มช่องทางการขาย สร้างแบรนด์ในตลาดโลกให้แข็งแกร่ง และออกผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับตลาดทั้งในและต่างประเทศแล้ว ในปีนี้นับว่าเรามีการออกแคมเปญในต่างประเทศค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น Special Gift และ Special Pack จาก Mogu Mogu และยังมีการแตกไลน์สินค้ารูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ Mogu Mogu จำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเริ่มทยอยเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้าอย่าง Mogu Mogu Candy จำนวน 4 รสชาติ และ Mogu Mogu Pretzel อีก 3 รสชาติ เป็นต้น สร้างความตื่นเต้นให้ตลาดต่างประเทศไม่น้อย นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2567 เซ็ปเป้ได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 ไลน์การผลิต หรือเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20-25% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต” นางสาวปิยจิต กล่าว

 

- Advertisement -