บล.กสิกรไทย: 

REVIEW 2Q67 : OR

  • กำไรไตรมาส 2/2567 ตามคาด OR ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 ที่ 2,536 ลบ. ลดลง 8% YoY และ 32% QoQ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรอ่อนแอมาจาก
1) อัตรากำไรน้ำมันที่ลดลงมาที่ 0.90 บาท/ลิตร ลดลงจาก 0.96 บาท/ลิตร ในไตรมาส 2/2566 และ 1.1 บาท/ลิตร ในไตรมาส 1/2567 เนื่องจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันจำนวน 530 ลบ.
2) ปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลงเหลือ 9,388 ล้านลิตร ลดลง 8% YoY และ 1% QoQ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบเหล่านี้ถูกชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยรายงานยอดขายจาก Café Amazon สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 102 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 10% QoQ
  • คาดกำไรไตรมาส 3/2567 ชะลอตัวลง เราคาดว่ากำไรของ OR ในไตรมาส 3/2567 จะลดลงต่อเนื่อง QoQ จากปริมาณการขายน้ำมันที่ลดลงตามฤดูกาล ซึ่งในอดีต โดยเฉลี่ยลดลงที่ 5% QoQ ในไตรมาสนี้ แม้ว่าค่าการตลาดน้ำมันโดยเฉลี่ยของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (EPPO) จะเพิ่มขึ้น 6.0% หรือ 0.15 บาท/ลิตร QTD แต่เราคาดว่าอัตรากำไรน้ำมันจะยังคงทรงตัว QoQ เนื่องจากคาดว่ายังคงมีการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันต่อไปตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง 8.5% QTD
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 ลง 10%/11%/13% เป็น 1.22 หมื่นลบ./1.31 หมื่นลบ./ 1.35 หมื่นลบ. โดยการปรับลดกำไรครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสะท้อนถึงสมมติฐานยอดขายน้ำมันที่ลดลงของเราที่ 7-8% อันเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องและ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ อุปสงค์เชื้อเพลิงเครื่องบินที่ฟื้นตัว ยังต่ำกว่าที่คาดไว้เบื้องต้น ซึ่งคิดเป็นเพียง 90% ของระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ณ ไตรมาส 2/2567
มุมมอง KS
  • แนะ “ถือ” แต่ลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 16.60 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดกำไรของเรา โดยเราลดราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ของเราลง 8% จาก 18.00 บาท เหลือ 16.60 บาท ซึ่งอิงวิธีรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) ด้วยส่วนลด 20% เพื่อสะท้อนถึงความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าจะมี upside 12% ต่อราคาเป้าหมายใหม่ของเรา
  • แต่เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” เนื่องจากมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ไม่น่าดึงดูด ซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันขายปลีกและค่าการตลาด

REVIEW 2Q67 : PTG

  • กำไรไตรมาส 2/2567 ดีกว่าที่เราคาดไว้ 5% เมื่อวันที่ 9 ส.ค. PTG รายการกำไรไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 466 ลบ. เพิ่มขึ้น 319% YoY และ 81% QoQ ซึ่งกำไรสูงกว่าประมาณการของเราที่ 5% หรือ 20 ลบ. จากรายได้อื่นๆ ที่สูงกว่าคาดที่ 13 ลบ. และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงกว่าคาดที่ 9 ลบ. จากผลการดำเนินงานของ Phisan Capital และ AMA Marine ที่ดีกว่าคาด ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กำไรแข็งแกร่งทั้งเชิง YoY และ QoQ ได้แก่
1) ปริมาณการขายน้ำมันและ LPG ที่แข็งแกร่งที่ 1,890 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 12% YoY และทรงตัว QoQ
2) อัตรากำไรน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.73 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 9% YoY และ 11% QoQ จากกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจาก 30.0 บาท/ลิตร เป็น 33.0 บาท/ลิตร ในไตรมาส 2/2567
3) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจ non-oil ที่ปรับตัวขึ้นเป็น 22.0% เพิ่มขึ้นจาก 19.5% ในไตรมาสที่ 2/2566 และ 21.4% ในไตรมาสที่ 1/2567
  • คาดกำไรไตรมาส 3/2567 จะลดลง QoQ เราคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2567 ของ PTG จะลดลง QoQ จาก 1) ปริมาณขายน้ำมันที่ลดลงในช่วงฤดูฝน ซึ่งปกติแล้วจะลดลงเฉลี่ย 5-7% และ 2) อัตรากำไรของราคาน้ำมันที่ลดลงจากการไม่มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันตามราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ถูกตรึงไว้ที่ 33.0 บาท/ลิตร จนถึงเดือน ต.ค.2567
  • คงประมาณการกำไรปี 2567 เนื่องจากกำไรในครึ่งแรกของปี 2567 คิดเป็น 59% ของประมาณการทั้งปีของเรา เราจึงเชื่อว่าประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1.2 พันลบ. ยังคงเป็นไปได้
มุมมอง KS
  • แนะ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายกลางปี 2568 ที่ 10.40 บาท เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” PTG จาก
1) คาดการณ์กำไรที่เติบโตที่ 31% YoY ในปี 2567
2) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง ด้วย PBV ที่เกือบ 2SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
  • โดยราคาเป้าหมายของเราที่ 10.40 บาท อิงด้วยวิธี SOTP ซึ่งมีอัตราคิดลดที่ 20% เพื่อสะท้อนถึงความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานที่อาจเกิดขึ้น
- Advertisement -