Daily Focus: SET เริ่มมีสัญญาณ Overbought เล็กน้อยระยะสั้น
2024 SET Target: 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 7 อีก 9.94 จุด ปิดที่ระดับ 1,364.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นลบ. ยังคงได้แรงหนุนจากความคาดหวังพัฒนาการการเมืองในประเทศและนโยบายการตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนที่จะออกมาในอนาคต สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 692 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง แต่บางลงเหลือ 553 ลบ. (และ Long Index Futures บางลงเหลือ 4.5 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,360-1,370 จุด ลดความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วงก่อนหน้าราว 80 จุด ภาพรวมตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ หลังจากถ้อยแถลงของประธาน FED ที่ Jackson Hole Symposium เมื่อคืนวันศุกร์ส่งสัญญาณชัดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ส่วนกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ คาดฟื้นตัวได้ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง ทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงลิเบียที่หยุดการผลิตชั่วคราวจากปัญหาในประเทศ ขณะที่ปัจจัยในประเทศตลาดยังคงคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ ยังคงหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวได้ต่อเนื่องระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เราประเมิน Upside ระยะสั้นจะยังจำกัดบริเวณ 1,380+- จุด และรอติดตามว่าครม.ชุดใหม่จะถูกแต่งตั้งและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ภายในเดือน ก.ย. ตามคาดหรือไม่ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงิน Digital Wallet ส่วนแรก 1.45 แสนลบ. เรายังคาดว่าหุ้นกลุ่ม Domestic Play จะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในระยะกลาง และมีปัจจัยหนุนจากการกลับมาของกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1-1.5 แสนลบ.ที่คาดเม็ดเงินจะเข้าสู่ตลาดใน 4Q24 หนุนการฟื้นตัวระยะยาว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นเดือน ส.ค.: BA, CHG, CPALL, ITC, MAGURO
FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, SHR, SJWD, TU
หุ้นเด่น Finansia 27 ส.ค. 24 : KCG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท
- โมเมนตัม 2H24 คาดว่ายังแข็งแรงต่อเนื่องจาก High Season ของธุรกิจเนยและชีสโดยเฉพาะ 4Q24 ประกอบกับโครงการ Logistic Park ที่จะเริ่มดำเนินงานจะช่วยลดต้นทุนการขส่งและการจัดเก็บสินค้า ชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นได้
- ล่าสุดเราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปกติปี 2024 เป็น 369 ลบ. +26% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ไม่แพงเพียง 15 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 3.5-4% ต่อปี นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าคาดเป็นอีก Catalyst บวก
- แนวรับ 9.60-9.50 บาท แนวต้าน 10.40//10.70 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$656 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$430 ล้านและ US$286 ล้าน ตามลำดับ แต่ฝั่งอาเซียนยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้านำโดยอินโดนีเซีย US$60 ล้าน ส่วนไทยไหลเข้า US$16 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังค่อนไปในทิศทางไหลออกหลังขาดปัจจัยใหม่เพิ่มเติมเข้ามาหนุนตลาดรอติดตามผลประกอบการของ Nvidia พรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) จับตาส่งออกไทยเดือน ก.ค. วันนี้ ตลาดคาด +7% y-y เทียบกับติดลบ -0.3% y-y ในเดือน มิ.ย. 2024 และ -6.2% y-y ในเดือน ก.ค. 2023 หลักๆ มาจากฐานที่ต่ำจากปีก่อน และการส่งออกทองคำน่าจะสูงขึ้นตามราคาทองคำที่ปรับขึ้นสำหรับงวด 1H24 ส่งออกไทย +2% y-y กระทรวงพาณิชย์คาดทั้งปีเติบโต 1-2% y-y เทียบกับปีก่อนที่ติดลบ 1% y-y อย่างไรก็ดีเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็วในเดือน ก.ค.- ส.ค. อาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทย ดังนั้นหากตัวเลขส่งออกออกมาต่ำกว่าคาดก็จะส่งผลให้เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกในระยะสั้นได้ รวมถึงแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
(+) AWC โทนประชุมเป็นบวก ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมอยู่ในโหมดของการเติบโต ด้วยยอดจองที่พักล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง และ EBITDA ดีมาก อีกทั้งยังได้อานิสงค์จากราคาค่าที่พักที่ปรับเพิ่มขึ้นในระดับต้นทุนที่เหมาะสม คาดโมเมนต้มกำไร 3Q24 จะดีขึ้น โดยเฉพาะจาก EBITDA margin ของ Asiatique ที่ฟื้นตัว และ 4Q24 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก High season ของการท่องเที่ยวไทย และจำนวนห้องพักที่เพิ่มขึ้นจาก 6,029 ห้องในปี 2023 เป็น 6896 ห้องในปี 2024 คงประมาณการกำไรปกติปี 2024 เติบโตเท่าตัวอยู่ที่ 2.2 พันลบ. และคงราคาเป้าหมาย 5.50 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลง 11% ในช่วงเดือนที่ผ่าน ถือเป็นโอกาสในการซื้อสะสม ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) CKP โทนประชุมเป็นกลางถึงลบเล็กน้อย บริษัทได้ update ข้อมูลด้าน Operation ของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ในช่วง 3Q24 คาดปริมาณการน้ำในเขื่อนอยู่ที่ระดับ 354 +21% y-y ส่วนโรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีปริมาณน้ำไหลดีมากตามฤดูกาล เรายังคาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ประมาณ 1,200-1,300 ลบ. จาก Peak Season ของธุรกิจ แม้โรงไฟฟ้าไซยะบุรีหยุดผลิตชั่วคราว 10 วันในเดือนส.ค. ซึ่งเหนือความคาดหมายของเราและตลาด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะถูกชดเชยจาก FX gain จากหนี้สกุลดอลลาร์เพราะบาทแข็งค่ามากกว่าคาดเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกที่รอข้างหน้า กรณีดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศปรับลง 0.25% ก็จะทำให้ CKP มีกำไรเพิ่มขึ้น 80-90 ล้านบาท คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 เติบโต +8% y-y เป็น 1.57 พันลบ. ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 65.44 จุด หรือ +0.16% ปิดที่ 41,240.52 จุด แต่ดัชนี้ S&P500 ปิดในแดนลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้น Nvidia ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟ่ด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่เงียบเหงา โดยหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์นำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผย ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงิน
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ โดยมีประเด็นสำคัญให้ติดตามคือรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนในวันนี้
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.22%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2.59 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 77.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากลิเบียประกาศระงับการผลิตน้ำมัน ซึ่งข่าวดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่าความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในตะวันออกกกลางกำลังส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 77.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.39%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.90 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,555.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประธานเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,549.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.23%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 856.12/ –
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 ส.ค. | ไทย: ส่งออก (ก.ค.) จีน: GDP 2Q24 (Final) |
28 ส.ค. | สหรัฐ: Fed Waller Speech, EIA Crude Stocks Change (ส.ค./23) |
29 ส.ค. | สหรัฐ: 2Q24 GDP growth rate (2nd), Initial Jobless Claims |
30 ส.ค. | ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ก.ค.) สหรัฐ: Core PCE price Index y-y (ก.ค.) |
31 ส.ค. | จีน: NBS Manufacturing PMI (ก.ค.) |