Daily Focus: SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งสร้างฐาน // PCE สหรัฐฯดี PMI จีนถ่วง

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ออกมาข้างก่อนปิดบวกได้เล็กน้อย 1.66 จุด ที่ระดับ 1,359.07 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 6 หมื่นลบ. จากผลของ MSCI Rebalance สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 3.2 พันลบ. (และ Short Index Futures 6.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,350-1,370 จุด ยังคงอยู่ในช่วงสร้างฐานชะลอความร้อนแรงจากช่วงก่อนหน้า ปัจจัยบวกคือตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ส.ค. ที่ออกมาใกล้เคียงคาดและเอื้อให้ FED เริ่มทยอยลดดอกเบี้ยได้ อย่างไรก็ตามตัวเลขที่กดดัน Sentiment ในเอเชียคือ NBS PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ส.ค. ที่ต่ำกว่าคาดและต่ำกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังดูไม่แน่นอนโดยเฉพาะภาคการผลิต ขณะที่ปัจจัยที่ตลาดรอติดตามสัปดาห์นี้คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ซึ่งจะประกาศปลายสัปดาห์หน้า หากออกมาระดับ 1.5-2 แสนตำแหน่ง เรามองเป็นบวก แต่หากใกล้เคียงระดับ 1 แสนตำแหน่งคาดตลาดจะมองลบ ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ติดตามการพิจารณางบฯ ปี 68 วาระ 2-3 ของสภาผู้แทนฯ ส่วนรายชื่อครม.ชุดใหม่คาดนิ่งแล้ว คาดกระบวนการแต่งตั้งและแถลงนโยบายต่อสภาฯจะแล้วเสร็จภายในกลางเดือนนี้ โดยความคาดหวังของตลาดยังอยู่ที่มาตรการและนโยบายเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาในอนาคตหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงกระแสเงินทุนที่มีแนวโน้มกลับมาไหลเข้า เรายังคาดว่าหุ้นกลุ่ม Domestic Play จะทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีปัจจัยหนุนจากการกลับมาของกองทุนวายุภักษ์วงเงิน 1-1.5 แสนลบ.ที่คาดเม็ดเงินจะเข้าสู่ตลาดหนุนการฟื้นตัวต่อใน 4Q24

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้า ยังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 2 ก.ย. 24 : NSL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่เบื้องต้น 40-42 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดว่ายังโดดเด่น เบื้องต้นคาดที่ 136 ลบ. +1% q-q, +86% y-y โดยผู้บริหารให้ข้อมูลว่ารายได้คาดว่าจะยังโตแกร่ง +20% y-y ซึ่งหมายถึงโตได้เล็กน้อย +3% q-q แม้เป็น Low Season หนุนจากสินค้าใหม่แซนวิชทาร์ตไข่ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก
  • ด้านต้นทุนโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และมีการล็อคราคาแล้วเป็นระยะเวลา 6 เดือนครอบคลุมถึงสิ้นปี เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024 ขึ้น 20% เป็น 523 ลบ. +57% y-y สะท้อนภาพรวมกำไรที่ดูดีกว่าคาด 
  • แนวรับ 27-26.50 บาท แนวต้าน 30//31 บาท 

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$320 ล้าน โดยมีผลจาก MSCI Rebalance ทำให้เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวและหนาแน่นมากที่อินโดนีเซีย US$722 ล้าน แต่ไหลออกจากไทย US$93 ล้าน ส่วนเอเชียตะวันออกเม็ดเงินยังไหลออกจากเกาหลีใต้และไต้หวัน US$139 ล้านและ US$166 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังผสมผสานหลังตัวเลข NBS PMI ภาคการผลิตจีนเดือน ส.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดและต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ส่วนเช้านี้มีตัวเลขของ Caixin ประกาศ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์เดือนก.ย. การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ ขณะที่ธปท. ส่งสัญญาณเปิดกว้างมากขึ้น สำหรับการลดดอกเบี้ยในอนาคต เราพบว่า SET มักจะปรับตัวขึ้นในช่วงดอกเบี้ยขาลง ความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยที่หายไป การฟื้นตัวของ GDP และกาไรบจ. 2Q24 ของไทยที่ตามคาดช่วยจำกัด Downside เราคงเป้า SET ของเราที่ 1,470 พร้อมแนวโน้มที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น และคาดเห็นการเริ่มเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ในเดือนนี้ ซึ่งจะหนุนตลาดใน 4Q24 จากเม็ดเงินใหม่ 1-1.5 แสนลบ. ที่จะเข้ามาสู่ตลาด เรายังชอบหุ้น Domestic Play โดยเฉพาะที่มี ESG rating สูง หุ้นเด่นเดือน ก.ย. ของเราประกอบด้วย BDMS, CPALL, ICHI, MTC, และ NSL

(-) กลุ่ม Bank และ กลุ่ม Finance ดัชนีราคารถยนต์นั่งมือสองลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2เท่ากับ 7.4% m-m และ 15.2%y-y และดัชนีราคารถยนต์บรรทุกมือสองลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เท่ากับ 2.4% m-m และ 17.3% y-y สถานการณ์ดังกล่าวเป็นลบต่อกลุ่ม ธ.พ.และกลุ่ม Non-bank ซึ่งแม้จะเข้าสู่ช่วง 2H ที่ supply ของรถจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินต่างก็เร่งระบายรถก่อนที่ข้ามปี ขณะที่ปัจจัยกดดันเดิมๆ ที่ยังคงอยู่เช่น การเร่งยึดรถของผู้ประกอบการสินเชื่อ เพื่อบริหารจัดการ NPL ทำให้ supply รถมือสองทั้งรถยนต์และรถบรรทุกล้นตลาด 2) รถ EV และรถยนต์สันดาปรถใหม่ๆ ที่ราคาจับต้องได้มากขึ้น และสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ ทำให้การขายรถมือสองทำได้ช้าลง กระทบต่อราคามากขึ้น

(-) OSP เตรียมขายเงินลงทุนในธุรกิจแก้วที่เมียนมาร์ ระยะสั้นอาจรับรู้ขาดทุนราว 700-800 ลบ. เข้ามาใน 3Q24 ส่วนธุรกิจหลักอย่าง โรงงานผลิตเครื่องดื่มในเมียนมาร์ ซึ่งสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้ดียังอยู่และดำเนินงานปกติ ส่วนระยะยาวยังมองบวกต่อปี 2025 หลังขายธุรกิจที่เป็น Non-core business และไม่ทำกำไรออกไป คาดกำไรสุทธิปี 2024 อาจเหลือเพียง 2.1 พันลบ. กลายเป็น -13% Y-Y ส่วนกำไรปกติปี 2024 เรายังคาดไว้ตามเดิมที่ 2.9 พันลบ.+36% y-y ยังคงราคาเป้าหมาย 28 บาท แนะนำ “ซื้อ” รอการฟื้นตัวปีหน้า

(+) BEYOND รายงานผลประกอบการหลักพลิกเป็นกำไรในช่วง 1H24 แต่ไม่ได้รับความสนใจจากตลาดเนื่องจากประเด็นปัญหากากแคดเมียม คาดแนวโน้มจะดีต่อเนื่องในช่วง 2H24 และจะมีประกาศโครงการโรงแรมและธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มใหม่ภายในสิ้นปีนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-26 เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่สูงเกินคาด ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 18 บาท เชื่อว่าราคาหุ้นลดลงมากเกินไปนับตั้งแต่ปัญหากากแคดเมียมเริ่มต้นเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียง 50 ลบ. จนปัจจุบันเทรด Valuations ที่ต่ำเพียง 0.4x 2024E P/BV และคงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 228.03 จุด หรือ +0.55% ปิดที่ 41,563.08 จุดเพิ่มขึ้นหลังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมากในยูโรโซนได้ตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยนักลงทุนรอตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่จะออกโดยเฉพาะ PMI ของจีน

(0) ค่าเงินบาททรงตัว อยู่ที่บริเวณ 34.08 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.11% ปิดที่ 73.55ดอลลาร์/บาร์เรล จากนักลงทุนประเมินความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนต.ค. ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 73.32 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ -0.31%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 32.70 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 2,527.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้น หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,533.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.22%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 862.73/ +0.64%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

2 ก.ย.จีน: Caixin Manufacturing PMI (ก.ค.)
3 ก.ย.สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (ส.ค.)
4 ก.ย.แคนนาดา: ประชุมธนาคารกลาง

สหรัฐ: JOLT Job Quits

5 ก.ย.ไทย: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

สหรัฐ: ISM Services PMI (ส.ค.)

6 ก.ย.สหรัฐ: Non-Farm Payrolls (ส.ค.)
- Advertisement -