ศก.สหรัฐฯยังดี หวังการเมืองไทยดี / 1,350- 1,370

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET ยังไม่ไปไหน: แรงหนุนจากสัญญาณเชิงบวกของศก.สหรัฐฯ รวมถึงความหวังความคืบหน้าในการจัดตั้งครม. หากแต่ถูกจำกัดด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และความกังวลศก.จีน ทั้งนี้ คาด SET Index จะได้ Sentiment หนุนจากตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของศก.สหรัฐฯ ได้แก่ 1) การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคเดือนก.ค.67 ขยายตัว 0.5% m-m เร่งจาก 0.3% m-m ในเดือนมิ.ย.67 และ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนส.ค.67 เพิ่มขึ้นสู่ 67.9 จาก 66.4 ในเดือนก.ค.67 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 4 เดือน รวมถึงข้อมูลที่สนับสนุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.67 หลังสหรัฐฯ เผย Headine และ Core PCE เดือนก.ค.67 แม้ขยายตัวเท่าเดือนก่อนหน้าที่ 2.5%y-y และ 2.6%y-y หากแต่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.6%y-y และ 2.7%y-y ตามลำดับ ขณะที่การมืองไทยมองเป็น Sentiment เชิงบวกเบาๆ หลังนายกฯเผยการจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างลงตัวนิ่งแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะรับตำแหน่งรมต. ซึ่งคิดว่าใกล้จะเสร็จแล้ว สอดรับกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะให้ขั้นตอนกระบวนการทั้งหมดแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 ก.ย.67 บวกลบไม่เกิน 3 วัน อย่างไรก็ตาม มองทางขึ้นจำกัด โดยคาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง 3.1% ปิดที่ $73.55 ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังแหล่งข่าวจาก OPEC เผยสมาชิก 8 ชาติจาก OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 1.8 แสนบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.67 นอกจากนี้ SET Index ยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากความกังวลภาวะศก.จีน หลังจีนเผย PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.67 ที่ 49.1 ลดลงจาก 49.4 ในเดือนก.ค.67 และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 49.5 อีกทั้ง เป็นการบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัว 4 เดือนติดต่อกัน อย่างไรก็ดี เช้านี้ติดตามการเผย PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค.67 Caixin ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงสัญญาณเพิ่มเติม ตลาดคาดที่ 50.0 เพิ่มขึ้นจาก 49.8 ในเดือนก.ค.67

กลยุทธ์การลงทุน : 1) Thailand Focus: AMATA, BBIK, BCP, BH, DELTA, GULF, WHA 2) Spending : CPALL, CPN, CRC, BJC, CPAXT, CBG 3) ธนาคาร : KTB, KBANK, BBL 4) ประมูลไฟฟ้า: GULF, GUNKUL และ 5) Selective : BE8, COM7, PLANB, SPVI

ปัจจัยบวก

  • ในวันนี้ตลท.จะมีการนำ 3 มาตรการยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนออกมาใช้เพิ่มเติม ประกอบด้วย 1) Dynamic Price Band (DPB) 2) Auction และ 3) Minimum Resting Time
  • กรมพัฒฯเผย 7M67 ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทย 460 ราย (+22%y-y) เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 90,987 ลบ. (+54% y-y)
  • ธปท.เผยภาวะศก.การเงินเดือน ก.ค.67 ว่าศก.ไทยโดยรวมปรับดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ โดยการส่งออกสินค้า และรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการที่เกี่ยวเนื่องขยายตัว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว
  • WHA Group เซ็นสัญญาซื้อขายที่ดิน Haier สร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศแห่งใหม่ครบวงจรมูลค่า 1 หมื่นลบ. ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จ.ชลบุรี
  • จีนเตรียมออกมาตรการรีไฟแนนซ์บ้านมูลค่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ หวังลดภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

ปัจจัยลบ

  • โตโยต้าเผยยอดขายตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเดือน ก.ค. 67 อยู่ที่ 46,394 คัน ลดลง 20.60% y-y โดยยอดขายรถยนต์นั่ง และรถกระบะชะลอตัวกว่า 26.4%y-y และ 35.5%y-y ตามลำดับ สะท้อนภาพกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว
  • ประธานกรรมการหอการค้าไทยประเมินสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือปีนี้ มีโอกาสฉุดศก.เสียหาย 4-6 พันลบ. ชี้ภาคเกษตรได้รับผลกระทบมากสุดรองลงมาภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม
  • ดัชนี SMESI ไทยเดือนก.ค.67 หดตัวต่ำกว่า 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 23 เดือน จากผลของกำลังซื้อชะลอตัว หนี้สินภาคครัวเรือนสูงขึ้น การเข้ามาตีตลาดของสินค้าจากต่างประเทศ
  • ญี่ปุ่นเผยจำนวนทารกที่เกิดในประเทศ รวมไปถึงทารกที่เกิดกับชาวญี่ปุ่นที่ไปอยู่ต่างประเทศในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.67 ลดลง 5.7% y-y สู่ 350,074 คน เนื่องจากจำนวนการแต่งงานยังคงลดลงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงค่านิยม

PICKS OF THE DAY

BBIK BUY

  • เป้าหมาย 40.00 / 41.00 แนวรับ 37.00
  • Backlog หนุนครึ่งหลัง: บริษัทระบุตัวเลข Backlog ทำสถิติสูงสุดที่ 905 ลบ. และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 506 ลบ. สะท้อนถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาครัฐและการกลับมาดำเนินโครงการด้าน ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ของภาคธุรกิจ โดยแต่ละส่วนของธุรกิจ BBIK สามารถรองรับความต้องการเหล่านี้ได้
  • ปัจจัยหลายด้านหนุน: หากดำเนินการได้ตามเป้าหมาย มีแนวโน้มที่ผลประกอบการจะโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก และส่งผลให้ทั้งปี 67 จะโตเป็นระดับ New High อีกครั้ง นอกจาก นี้มีปัจจัยเสริมด้านอื่นๆ ได้แก่ บริษัทจะได้ผลประโยชน์ด้านภาษีช่วยหนุนเต็มปีในปีนี้ และการเติบโตในต่างประเทศโดยเฉพาะเวียดนาม ที่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตน่าจะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว

KTB  BUY

  • เป้าหมาย 19.00 / 19.50 แนวรับ 18.00 / 17.50
  • ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ: KTB เป็นธนาคารที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาล ทำให้มองว่าจะได้ประโยชน์ต่อโครงการต่าง ๆ ของรัฐมากที่สุด ประกอบกับการจัดงาน Thailand Focus น่าจะเรียกความเชื่อมมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้เพิ่มขึ้นด้วย
  • สินเชื่อเดือน ก.ค. เติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม: ในเดือน ก.ค. มีเพียง 2 ธนาคารเท่านั้นที่สินเชื่อเติบโตขึ้น และ KTB เป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม โดยเพิ่มขึ้น 1.52% m-m จากกลุ่มที่สินเชื่อหดตัว 0.5% m-m และทำให้ KTB เป็นธนาคารที่มีสินเชื่อเติบโตสูงที่สุดในปี 67 ด้วย โดยเพิ่มจากสิ้นปี 66 1.15% ytd จากกลุ่มที่มีสินเชื่อหดตัว 1% ytd โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นน่าจะมาจากสินเชื่อรายใหญ่ และสินเชื่อภาครัฐเป็นหลัก
- Advertisement -