ข้างนอกเริ่มสดใส ข้างในเริ่มดูดี / 1,360-1,375

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET ค่อยๆขึ้นไปต่อ: โดยมองแรงหนุนหลักมาจากปัจจัยภายในประเทศ ขณะที่แรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเริ่มผ่อนคลายลง ปัจจัยบวกมาจาก 1) ภายในมีความคืบหน้าในการจัดตั้งครม. หลังวานนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 6 ก.ย. 67 และจะมีการเรียกประชุมครม.นัดพิเศษ ในวันถัดไป เพื่อหารือนโยบายต่างๆที่จะใช้สำหรับการแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย. และจะมีการจัดประชุมครม.แพทองราร 1 ครั้งแรกในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมอนุมัตินโยบายหลักเร่งด่วน ซึ่งนายกคาดจะมี 5-6 นโยบาย อันรวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องอนุมัติงบกว่า 1.22 แสนล้านบาทภายในสิ้นเดือนก.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 67 ทางฝ่ายคาดนอกจากโครงการดังกล่าวแล้วยังมีโครงการฟื้นฟูกองทุนวายุภักษ์ การปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน/ธุรกิจ และการลงทุนรถไฟรางคู่ ที่จะเข้าพิจารณาในเดือนนี้ มองจะช่วยหนุนหุ้นค้าปลีก ก่อสร้าง ธนาคาร การเงิน และท่องเที่ยว 2) ภายนอก Sentiment ลบเริ่มจ้างลงหลังตัวเลข คำสั่งซื้อสินค้าโรงงาน สหรัฐในเดือน ก.ค. ออกมาขยายตัว 5%m-m มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 4.7%m-m และเป็นการขยายตัวแบบm-m ที่มากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี คลายความกังวลการเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ ปัจจัยอื่นวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือน ส.ค. คาด Headline CPI และ Core CPI ขยายตัว 0.4%y-y และ 0.55%y-y โดย Headline CPI ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ +0.83%y-y แต่ Core CPI กลับขยายตัวขึ้นจากเดือน ก่อนที่+0.52%y-y สะท้อนภาพราคาพลังงานและอาหารที่เริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ราคาสินค้าอื่นยังทยอยปรับตัวขึ้น ส่วนคืนนี้จับตาตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI และ ADP Nonfarm Employment Change ของสหรัฐฯ ประจำเดือน ส.ค.

กลยุทธ์การลงทุน : 1) งบและนโยบายภาครัฐฯ: BE8, BJC, CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO, KBANK, KTB, KTC, SAWAD, AOT, AAV 2) : ADVANC, CPF, CENTEL, BCP, AMATA และ 3) Anti-Commodity: BGRIM, GPSC, GUNKUL, TASCO, SCGP

ปัจจัยบวก

  • กกร. ปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกทั้งปีเป็นโต 1.5-2.5% จากประมาณการเดิมที่ 0.8-1.5% หลังการส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคมโตถึง 15.2% จากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลก แต่การเติบโตดังกล่าวยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เป็นการเติบโตในวงกว้าง
  • Moody’s ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทรับประกันภัยต่อทั่วโลกจากมีเสถียรภาพเป็นบวก เนื่องมาจากบริษัทรับประกันภัยต่อมีราคาที่สูงขึ้น และนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมไปถึงรายได้จากการลงทุนที่แข็งแกร่ง
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของ ปี 67 ต่ำเป็นอันดับ 2 รองจากบรูไน
  • BDMS จับมือกลุ่มเฮลท์แคร์ยักษ์ใหญ่รัสเซีย MEDSI Group ลงนามข้อตกลงขยายความร่วมมือด้านการแพทย์การตลาด การบริการด้าน สุขภาพ และการท่องเที่ยว

ปัจจัยลบ

  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในอีก 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการด้านโลจิสติกส์ให้ดีขึ้น ทำให้สำรวจพบทรัพยากรในปริมาณมากขึ้น อันจะนำไปสู่ต้นทุนการผลิตที่ลดลง และอุปทานเพิ่มขึ้น เป็นลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ
  • กกร. คาดว่ามูลค่าความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนปีนี้ จะอยู่ที่ราว 6-8 พันล้านบาท หรือ 0.03-0.04% ของจีดีพี
  • อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและผลกระทบจากสงครามในยูเครนบังคับให้บริษัทต่างๆ ทั่วทั้งยุโรปต้องหยุดการจ้างงานหรือลดจำนวนพนักงาน นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.67 ที่ผ่านมา
  • ธนาคารทั่วโลกส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตน้อยกว่า 5% ในปีนี้ โดย Bank of America Corp. เป็นรายล่าสุดที่ปรับลดคาดการณ์โดยเข้าร่วมกับธนาคารอื่นๆ เช่น Goldman Sachs Group Inc. และ JPMorgan Chase & Co

PICKS OF THE DAY

GUNKUL BUY

  • เป้าหมาย 2.50 / 2.60 แนวรับ 2.30
  • เดินตามเป้าหมาย : บริษัทมีแผนขยายธุรกิจหลายด้านที่สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า โดยในส่วนของธุรกิจ Trading บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายที่ 15-18% ต่อปี ปัจจัยสนับสนุนมาจากทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านธุรกิจ EPC ตั้งเป้าหมายรายได้โตจาก 2,800 ลบ. ในปีนี้ เป็นประมาณ 3,100 ลบ. ในปี 68 โดยมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 4,000 ลบ.
  • ไฟฟ้าสะอาดหนุนระยะยาว: บริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตจาก 1,464 MW ในปีนี้ เป็น 2,000 MW ภายในปี 68 หรือเพิ่มขึ้น 37% โดยรวมทางฝ่ายมองว่าบริษัทมีปัจจัยหนุนสำหรับการเติบโตระยะยาวที่ชัดเจน เช่นเดียวกับระยะสั้นและกลางคาดจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้ามีความน่าสนใจมากขึ้น

KTC BUY

  • เป้าหมาย 44.00 / 45.00 แนวรับ 41.00
  • ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตดีกว่าอุตฯมาก: ถึงแม้ว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC ในปีนี้จะลดลงจากปีก่อน โดยอยู่ที่ 10% จากปีก่อนที่ 11% แต่เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเพียง 3.7% ก็ยังเป็นระดับการเติบโตที่ดีกว่ามาก และยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC น่าจะได้ขึ้นได้ต่อจากปกติที่ครึ่งปีหลังการจับจ่ายจะเพิ่มขึ้นจากการเป็น High season และ KTC จะมีการทำโปรโมชั่นเพิ่มมากขึ้นด้วย
  • Digital wallet มาช่วยกระตุ้น: ความชัดเจนจากการตั้งรัฐบาล และเงินจากโครงการ Digital wallet ที่จะออกมาน่าจะมีส่วนช่วยให้ลูกค้าของ KTC มีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งความต้องการสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์
- Advertisement -