ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสต่อท่ามกลางมูลค่าหุ้นไม่แพง

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.54% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่รายงานออกมามีทั้งดีและแย่ผสมกัน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดทรงตัว (+0.01%) นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์น้ำมันในจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าตลาดคาดการณ์

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ส.ค. ขยายตัว 0.35%Yoy แต่ลดลงจากการขยายตัวในเดือนก่อนที่ 0.8%YoY สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเนื่องจากการสูงขึ้นของราคาอาหาร โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และอาหารสำเร็จรูป แต่ราคาสินค้ากลุ่มพลังงานปรับลงตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลง โดยรวมมองเป็นลบเล็กน้อยกับหุ้นร้านอาหารตามต้นทุนที่สูงขึ้น ส่วนสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา รายงานการจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP พบว่าอยู่ที่เพียง 9.9 หมื่นตำแหน่ง แย่กว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.44 แสนราย โดยอุตสาหกรรมที่มีการนำคนออก ได้แก่ ภาคผลิต การให้บริการด้านธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในอีกตัวเลข ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการจากสถาบัน ISM พบว่า ออกมาที่ 51.5 ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดเล็กน้อยที่ 51.3 โดยองค์ประกอบใส้ในก็ถือว่าเห็นการขยายตัวที่ดี อาทิ คำสั่งชี้อใหม่ที่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ช่วยหนุนให้นักลงทุนคลายกังวลได้เล็กน้อยกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปีปรับขึ้นเล็กๆ

ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นแข็งแกร่ง (+2.8%) และทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 5 เดือน พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 8.1 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิมากถึง 7.4 พันล้านบาท พร้อมกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องทดสอบ 33.5 บาท /ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรวมทุกอย่างเป็นจิตวิทยาเชิงบวกสนับสนุนตลาดหุ้นไทย อิงมาตรวัด Valuation หุ้นไทยผ่าน Earnings Yield Gap และอิงกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 25 จาก Bloomberg Consensus จะพบว่าหาก SET INDEX เกินกว่า 1537 จะเริ่มเป็นจุดที่แพงดังนั้นอาจมี Upside ให้หุ้นไทยปรับขึ้นได้ต่อจากบริเวณปัจจุบัน คืนนี้รอติดตามตัวเลขสำคัญ (แรงงานสหรัฐฯ) ประกอบไปด้วยการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.6 แสนราย และ 4.2% ตามลำดับ

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1395 – 1415 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงสะสมหุ้นได้แต่เน้นเลือกหุ้นมากขึ้น เพราะดัชนีปรับขึ้นมาสูงแต่ยังคงชอบกลุ่ม Domestic Play โดยที่ยัง Laggard ได้แก่ BEM CPN KTB SPALI BBL KBANK MTC AOT LH GLOBAL ส่วนชุดอื่นๆที่เคยแนะสะสมมายังถือต่อได้

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 171.00 บาท)

การขยายสินเชื่อทำได้ตามเป้าหมายขยายตัว 3-5% ในปี 2024 หลังจากโต 1.8% YTD ใน 1H24 หนุนจาก (1) สินเชื่อกิจการต่างประเทศ โดยเฉพาะสินเชื่อจากประเทศจีน ฮ่องกง และอินโดนีเซียและ (2) สินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ที่การแข่งขันไม่รุนแรงมาก และสินเชื่อยังได้แรงหนุนจากตลาด หุ้นกู้ที่ยังไม่เป็นปกติทำให้มีความต้องสินเชื่อจากลูกค้าบริษัทเพิ่มขึ้น

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89.00 บาท)

CPN มีกำไรสุทธิงวด 2Q24 ที่ 4,556 ล้านบาท (+24%YoY, +10%QoQ) ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 4,411 ล้านบาท (+22%YoY,+6%QoQ) ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย โดยได้รับผลดีจากรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลังมีการโอนคอนโดเพิ่มเข้ามา 2 แห่ง ขณะที่ธุรกิจอื่นยังคงเติบโตเช่นกันรวมถึงการรับรู้รายได้จากการต่อสัญญาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเข้ามาประมาณ 182 ล้านบาท หลังจากใน 1Q24 มีแต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายเข้ามา

- Advertisement -