จีนน่ากังวล แต่ไทยยังมีหวัง / 1420-1,435

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ผันผวนในกรอบ : แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงท่ามกลางความกังวลศก.จีน หากแต่จำกัดด้วยความคาดหวังต่อการเมืองไทยและนโยบายของภาครัฐทั้งนี้ คาดแรงกดดันมาจากราคาน้ำมันดิบ WTT ที่ปรับตัวลง 4.3% ปิดที่ 565.75 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือนธ.ค.64 หลัง OPEC คาดอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 67 จะเพิ่มขึ้น 2.03 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากเดิมที่คาดจะเพิ่มขึ้น 2.11 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันในปี 68 จะเพิ่มขึ้น 1.74 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากเดิมที่คาดจะเพิ่มขึ้น 1.78 ล้านบาร์เรล/วัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันจากจีน ภาพข้างต้นสอดรับกับการเผยตัวเลขทางศก.เดือนส.ค.67 ในต้นสัปดาห์นี้ที่บ่งชี้ถึง สัญญาณเชิงลบต่ออุปสงค์ภายในประเทศของจีน ทั้ง CPI ที่ขยายตัวต่ำกว่าตลาดคาด PPI ที่หดตัว 23 เดือนติดต่อกัน และการนำเข้าที่ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment ทางลบต่อ SET Index โดยเฉพาหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม มองทางลงจำกัด โดยคาด SET Indexยังมีแรงหนุนจากพัฒนาการของการมืองไทย โดยติดตามการแถลงของครม.นายกฯแพทองธารต่อรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.67 ซึ่งอาจเผยรายละเอียดของนโยบายเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการที่เป็นที่สนใจอย่าง Digital Wallet นอกจากนี้ SET Index ยังมี Sentiment หนุนจากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นของนักลงทุนต่างชาติต่อเสถียรภาพทางการเมืองและศก.ไทยสอดรับกับการที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4 วันทำการติดต่อกัน อีกทั้งในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ตลท.คาดว่ามีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เช้านี้ติดตามการดีเบตของผู้สมัครชิงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯระหว่างแฮร์ริส และทรัมป์ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้ค่าเงิน รวมถึงติดตามการเผย CPI เดือนส.ค.67 ของสหรัฐฯในคืนนี้ ตลาดคาด Headline ขยายตัว 2.6%y-y และ 0.2% m-m จาก 2.9% y-y และ 0.2% m-m ในเดือนก.ค.67 และ Core เท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2% y-y และ 0.2% m-m
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) วายุภักษ์: AP, BBL, BDMS, CPALL, FTREIT, GULF, ICHI, LHHOTEL, TTB 2) งบและนโยบายภาครัฐฯ: CK, KK, STEC 3) ย้ายฐาน: AMATA, ROJNA, WHA 4) ท่องเที่ยว: AAV, BA และ 5) Anti-com: BGRIM, GPSC, SCGP, TASCO, TOA

ปัจจัยบวก

  • ม.หอการฯประเมินว่าการแจกเงิน 1 หมื่นบาทในรูปเงินสดภายใต้โครงการ Digital Wallet ที่จะให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกในช่วงเดือนก.ย.67 จะมีส่วนช่วยกระตุ้น GDP ในช่วง 4Q67 ให้เติบโตราว 3.5-4% และในภาพรวมจะช่วยกระตุ้น GDP ของทั้งปีให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% เป็น 2.7-2.8% จากเดิมที่คาดว่าศก.ไทยในปี 67 จะเติบโตราว 2.5%
  • ก.ท่องเที่ยวฯเผยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 ก.ย.67 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้วทั้งสิ้น 24 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของ นักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1.14 ล้านลบ.
  • ดีป้าร่วมกับสถาบันไอเอ็มซีเผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล ประจำปี 66 พบขยายตัว 3.88% คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.024 ล้านลบ. โดยอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ คืออุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงที่สุด ขณะที่คาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี พบโตต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรม
  • บีโอไอเผยจากการจัดงาน SUBCON Thailand : The East 2024 ครั้งที่ 3 ที่มียอดจับคู่ธุรกิจ 669 คู่ สร้างมูลค่าซื้อขายชื้นส่วนกว่า 2,800 ลบ.

ปัจจัยลบ

  • ม.หอการค้าฯเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 67 พบว่าครัวเรือนไทยมีภาระหนี้สินเฉลี่ย 606,378 บาท/ครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.4% และเพิ่มสูงสุดตั้งแต่มีการสำรวจในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ปี 52 โดยในจำนวนนี้ เป็นหนี้นอกระบบ 69.9% และอีก 30.1% เป็นหนี้นอกระบบ
  • KResearch เผยราคาที่อยู่อาศัยในกทม.สูงกว่ารายได้ครัวเรือนเฉลี่ย 21 เท่า ขณะเดียวกันต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงดันราคาที่อยู่อาศัยใหม่เพิ่มทุกพื้นที่ในไทย ขณะที่รายได้เพิ่มช้ากว่า โดยในช่วงปี 61-67 ราคา ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทั่วประเทศเพิ่มเฉลีย 9.1% ต่อปี ส่วนค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยเพิ่ม 1.2% ต่อปี
  • Citi เผยการสูญเสียสินเชื่อกำลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐหันไป จับจ่ายแต่สิ่งที่จำเป็นมากขึ้น และซื้อของที่ไม่จำเป็นน้อยลง นอกจากนี้ เมื่อ พิจารณาทั้งปีการสูญเสียสินเชื่อจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ถึง 4% ในธุรกิจ บัตรเครดิต และ 5.75% ถึง 6.25% ในธุรกิจบริการค้าปลีก

PICKS OF THE DAY

AMATA BUY

  • มั่นใจปีนี้ Presale เติบโต y-y: ผู้บริหารมั่นใจปีนี้ขายที่ดินได้เกิน 2 พันไร่ ยังสามารถเติบโต y-y ทำให้แนวโน้ม 2H67 จะยังมี Presale ที่สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก และอาจเห็นลูกค้ารายใหญ่เข้ามาในช่วง 4Q67-1Q68
  • โอนส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลัง: ปีนี้คาดว่าจะสามารถค่อยๆปรับราคาขายที่ดินได้เพิ่ม 5-10% ตามราคาตลาดและต้นทุนพัฒนา ส่วนยอดโอนจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังเป็นส่วนใหญ่ คาดว่ายอดโอนจะเพิ่มขึ้นไปทุกไตรมาส ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินในช่วง 3Q67-4Q67 สูงขึ้นกว่าไตรมาสสองที่ผ่านมา ช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวได้ดีขึ้นตามกัน มองว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

AAV BUY

  • 3Q67 คาดการดำเนินงานปกติดีขึ้นและจะมีกำไรค่าเงินสูง: 3Q67 ปกติจะเป็น low season สุดของปี แต่ผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเส้นทางบินใหม่ อีกทั้งราคาน้ำมันเครื่อง บิน (อิงตลาดสิงคโปร์) ถึง 9 ก.ย. เฉลี่ย -16.3% y-y และ -4.4 q-q จะหนุนกำไรปกติให้ดีขึ้น และเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญจาก 36.71 บาท/ดอลลาร์ เป็น 33.80 บาทในปัจจุบัน จะมีกำไร Fx สูง
  • 4Q67 high season สุดของปี: 4Q67 เป็น high season สุดของปี อีกทั้งมีเปิดเส้นทางบินใหม่ไปอินเดีย เวียดนาม เนปาล กัมพูชา และสิทธิการบินที่ 5 จากไต้หวันไปญี่ปุ่น รวมถึงมีการรับเครื่อง บินใหม่ใน 2H67 เพิ่ม 3 ลำ เป็น 60 ลำ สนับสนุนการเติบโตของผู้โดยสาร
- Advertisement -