Daily Focus: SET ยังอยู่ในช่วงชะลอความร้อนแรงระยะสั้น

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลดลงเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ ปิดลบเล็กน้อย 3.10 จุด ที่ระดับ 1,428.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 6.4 หมื่นลบ. ชะลอหลังจากปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงกว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาราว 150 จุด สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 861 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางลงเหลือ 560 ลบ. (และ Short Index Futures อีกเล็กน้อย 1.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังอยู่ในช่วงพักฐานจาก Upside ระยะสั้นที่จำกัด หลังปรับขึ้นร้อนแรงก่อนหน้า คาดแกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,410-1,435 จุด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดรอติดตามทังการเมืองสหรัฐฯ ที่ทรัมป์-แฮริสจะ Debate เช้านี้ รวมถึงรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือน ส.ค. สหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจของ FED ในการประชุมสัปดาห์หน้าว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 25 หรือ 50 bps ส่วนกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ คาดว่าจะถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรงหลัง OPEC ปรับลดคาดการณ์ Demand ของน้ำมันดิบลง ขณะที่กลุ่มธนาคารในสหรัฐฯมีแรงกดดันหลังมีการเดือน ถึงแนวโน้มกำไรที่อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลงต่อเนื่อง เรามองว่ากลุ่ม Anti-Commodity Play มีโอกาส Outperform ตลาด เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการแถลงนโยบายของครม.ใหม่ต่อสภาฯวันที่ 12 ก.ย.. และการประชุมนัดแรกวันที่ 17 ก.ย. โดยเฉพาะการเริ่มแจกเงิน 1 หมื่นบาท และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเดือน ต.ค. เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยใน 4Q24-2025 โดยเฉพาะฝั่งการบริโภค ขณะที่เม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1-1.5 แสนลบ. จะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index

กลยุทธ์ : เลือกหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 11 ก.ย. 24 : MAGURO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 22 บาท
  • MAGURO แม้ SSSG เดือน ก.ค. ยังติดลบใกล้เคียง 2Q24 ที่ 2-3% y-y ส่วนเดือน ส.ค. เริ่มฟื้นดีขึ้น แต่รายได้รวม 3QTD ปรับขึ้นแรง 30% y-y ทำนิวไฮ หลังรับรู้รายได้สาขาใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 
  • ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้าเปิดสาขาใหม่ปี 2024 เป็น 13 สาขา จากเดิม 11 สาขา และ 4Q24 จะเห็น 2 แบรนด์ใหม่ เป็นรูปแบบ all day dining 1 และร้านญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่อีก 1 และจะเปิดต่อเนื่องในปี 2025 อีกราว 12-13 สาขา และจะมีแบรนด์ใหม่ต่อเนื่องอีก 1-2 แบรนด์ ส่วนแนวโน้มกำไรและ Margin 2H24 คาดจะกลับมาฟื้นลุ้น New High รายไตรมาสจากต้นทุนแซลมอนปรับลง -27% 3QTD
  • แนวรับ 16.60-16.50//16 บาท แนวต้าน 17//17.80-18 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคสุทธิอีก US$1,348 ล้าน ยังกระจุกที่ฝั่งเอเชียตะวันออกอย่างไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$638-755 ล้าน อย่างไรก็ตาม ยังเห็นการไหลเข้าในฝั่งอาเซียนนำโดยอินโดนีเซีย US$30 ล้าน รวมถึงไทยและฟิลิปปินส์ประเทศละ US$13-17 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ยังไหลออก แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลออก ตลาดรอติดตามการ Debate ของทรัมป์-แฮริสเช้านี้ รวมถึงเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯคืนนี้ รวมถึงโฟกัสหลักอยู่ที่สัปดาห์หน้าว่า FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก 25 bps หรือ 50 bps

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาเงินเฟ้อ CPI สหรัฐเดือนส.ค.คืนนี้ ตลาดคาดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค. ที่ +0.2% m-m, +3.2% y-y เท่ากับเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ +0.2% m-m, +2.6% y-y เทียบกับ +0.2% m-m, +2.9% y-y ในเดือนก่อนหน้านี้ หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดจะเป็นปัจจัยเอื้อให้คณะกรรมการเฟดปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ที่ตลาดคาด ในที่ประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย. นี้ ซึ่งหากปรับลดมากกว่า 0.25% จะกลายเป็น Sentiment เชิงลบกับตลาดเงินและตลาดทุน จากเศรษฐกิจสหรัฐที่จะชะลอมากกว่าคาด

(+) BH คาดกำไร 3Q24 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.1 พันลบ. +10% y-y จากตัวเลขขาเข้าของ นักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางเร่งตัวขึ้นในเดือน ก.ค. โดยเพิมขึ้น 23% y-y และสูงกว่า ค่าเฉลี่ยถึง 3x ในช่วง 1H23 เราคาดรายได้โต 4-5% y-y พร้อม EBITDA margin ที่อยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับ 1H24 สำหรับสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวคูเวตลดลงเหลือ 2% ในช่วง 1H24 เทียบกับ 5% ในปี 2023 ถ้า BH ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อโรงพยาบาลที่ได้รับการอนุมัติ ประมาณการกำไรปี 2025 ของเราอาจมี Upside อย่างน้อย 5% คงราคาเป้าหมาย 310 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) SYNEX โทนการประชุมเป็นกลาง SYNEX ยังคงเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% ในปี 2024 โดยช่วงครึ่งปีหลังจะมีสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ iPhone16 ที่มาพร้อมกับ Apple intelligent และวางขายเร็วขึ้น 2 วัน นอกจากนี้ SYNEX พยายามจะ Blend สินค้า high margin มากขึ้นผ่านสินค้าในกลุ่ม Gaming แนวโน้ม 2H24 คาดเติบโตทั้ง h-h & y-y คาดกำไรปกติปี้ 24 โต 39% y-y เราคาดกำไรปกติปี 2025-26 เติบโต 16.2% CAGR เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 17.60 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่าหรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 92.63 จุด หรือ -0.23% ปิดที่ 40,736.96 จุด โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน ส่วนดัชนี S&P500และ Nasdaq ปิดในแดนบวกติดต่อกันวันที่ 2 ขานรับการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และก่อนการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ โดยวันนี้มีปัจจัยภายในภูมิภาค อาทิ รายงานอัตราว่างงานเกาหลีใต้ที่ 2.4% ซึ่งสะท้อนจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1999 และรายงานความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ Tankan survey เดือน ก.ย. ที่ปรับตัวลดลง 4 จุด ต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.60%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.96 ดอลลาร์ หรือ 4.31 ปิดที่ 65.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้และปีหน้า ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 66.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.40%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปีดที่ 2,543.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี้ราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางเงินเฟ้อและแนวโน้มการปรับลด อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,545.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.09%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 864.46/ +0.20%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

11 ก.ย.สหรัฐ: เงินเฟ้อ (ส.ค.)
12 ก.ย.ยุโรโซน: ประชุม ECB

สหรัฐ: Core PPI (ส.ค.), Initial Jobless Claims

13 ก.ย.สหรัฐ: Michigan Consumer Sentiment (ก.ย.) นำเข้า-ส่งออก (ส.ค.)
14 ก.ย.จีน: ค้าปลีก (ส.ค.)
16 ก.ย.สหรัฐ: ค้าปลีก (ส.ค.)

แคนนาดา :เงินเฟ้อ (ส.ค.)

- Advertisement -