KS Daily View 12.09.2024 >>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในช่วงต้นก่อนรีบาวด์กลับมาปิดบวกนำโดยกลุ่ม Semiconductors ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงตามตลาดในภูมิภาค คาดวันนี้อาจ Sideway up มองกรอบ 1,390 – 1,425 แนะนำ AAV และ GPSC

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกได้ Dow Jones +0.31%, S&P500 +1.07, Nasdaq Composite +2.17% และ Russell 2000 +0.31% การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนโดยมีการปรับตัวลงแรงในช่วงต้นราว 1.3% ถึง 1.8% หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% MoM ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาด แต่สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้และปิดบวก จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นแรงโดยเฉพาะในกลุ่ม Semiconductors จากการที่นักลงทุนมีความมั่นใจต่อสุนทรพจน์ของ Jensen Huang CEO ของ Nvidia ที่กล่าวในงาน Goldman Sachs Conference ตอกย้ำถึงความต้องการที่สูงสำหรับชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต

SET Index ปิดที่ 1,415.41 จุด (-0.88%) ปรับฐานต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเป็นการปรับตัวลงหลังจากขึ้นมาค่อนข้างแรงและตอนนี้ยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ และเป็นการปรับตัวลงตามตลาดในภูมิภาค โดยกลุ่มที่ปรับตัวลงแรง ได้แก่ Agriculture, Electronics และ Healthcare วันนี้มอง SET อาจ Sideway up ตาม Sentiment ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มองกรอบที่ 1,390 – 1,425 แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยหนุนที่ค่อนข้างชัดอย่าง AAV และหุ้น Defensive และยังค่อนข้าง Laggard อย่าง GPSC

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. การดีเบตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นคามาลา แฮร์ริสที่ทำผลงานได้ดีกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเธอควบคุมการสนทนาและทำให้ทรัมป์หลุดประเด็นหลายครั้ง แฮร์ริสเน้นโจมตีเรื่องเศรษฐกิจ ผู้อพยพ และการจลาจล ขณะที่ทรัมป์โต้กลับได้ไม่ดีนัก และมักพูดออกนอกประเด็น สื่อต่างประเทศมองว่าแฮร์ริสทำคะแนนเหนือกว่าในดีเบตครั้งนี้ โพลของ CNN ระบุว่าผู้ชมการดีเบตให้แฮร์ริสชนะขาดลอย โดยแฮร์ริสได้รับคะแนน 63% ขณะที่ทรัมป์ได้ 37%
  • สหรัฐฯ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม CPI +2.5% YoY ซึ่งต่ำกว่าคาดที่ +2.6% YoY และชะลอตัวลงจาก +2.9% YoY ในเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม Core CPI +3.2% YoY ตามคาดและเท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่มีการปรับตัวขึ้น +0.3% MoM ซึ่งมากกว่าคาดที่ +0.2% MoM และเป็นการเร่งตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน โดยปัจจัยกดดันมาจากต้นทุนค่าที่อยู่อาศัย (Shelter Cost) ที่ปรับตัวขึ้น +0.5% MoM ทำระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2024 และค่าเดินทาง +0.9% MoM เพิ่มขึ้นจาก +0.4% MoM ในเดือนที่แล้ว
  • จุนโกะ นาคากาวะ กรรมการ BOJ ระบุว่ายังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด ความเห็นของเธอทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่ามากที่สุดในปีนี้ และถึงแม้ว่าตลาดการเงินจะยังมีความผันผวนกอปรกับ BOJ น่าจะยังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า แต่เธอเน้นว่าต้องติดตามผลจากการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเดือนกรกฎาคม รวมถึงประเมินความเสี่ยงจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นและราคาสินค้านำเข้าซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้หรือมกราคมปีหน้า
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “มหกรรมเสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค” ตลอดเดือนกันยายน 2567 ใน 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ชลบุรี กาญจนบุรี และขอนแก่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่นและสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านเสน่ห์ไทย (Soft Power) แต่ละงานจะนำเสนอเทศกาลดนตรี แสงสี อาหาร ศิลปะ และวัฒนธรรมท้องถิ่น คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 147,000 คน และสร้างรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวประมาณ 800 ล้านบาท
  • หุ้น Nvidia พุ่งขึ้นราว 8% หลังจาก Jensen Huang (CEO) ได้กล่าวในงานประชุมของ Goldman Sachs โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Generative AI ที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นทักษะที่จะถูกนำไปใช้ในหลากหลายพื้นที่นอกเหนือจาก Data Centers และกล่าวว่าระบบเซิร์ฟเวอร์ของ Nvidia อาจมีต้นทุนสูง แต่สามารถทำงานแทนระบบคอมพิวเตอร์แบบเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • AAV: ราคาพื้นฐาน 3.22 บาท

AAV มีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการที่ดีในครึ่งหลังขอปี 2567 จากจำนวนนักท่องเที่ยวและราคาตั๋วที่เพิ่มขึ้น บริษัทตั้งเป้าเติบโต 20-23% และครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงสุดที่ 39% ปัจจัยบวกเพิ่มเติมคือราคาน้ำมันที่ลดลงแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนลดลง รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อีกทั้งวานนี้ในการดีเบตของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คามาลา แฮร์ริส ทำได้ดีกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์น่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อและมีโอกาสที่ค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จึงแนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐาน 3.22 บาท

  • GPSC: ราคาพื้นฐาน 55 บาท

GPSC กำลังอยู่ในช่วงขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากโครงการ Avaada ในอินเดียที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาดพลังงานหมุนเวียน ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับโครงสร้างสัญญาขายไฟฟ้าให้เชื่อมโยงกับราคาก๊าซเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่า Ft และคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะลดลงในอนาคตอันใกล้ ช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง อีกทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังช่วยลดภาระหนี้สินต่างประเทศ ส่งผลให้การทำกำไรมีความมั่นคงมากขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ GPSC ยังมีแผนเข้าร่วมการประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยเพื่อขยายพอร์ตพลังงานสะอาดต่อไป ซึ่งจะสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐาน 55 บาท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตามผลการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรปตลาดคาดการณ์ที่ 4.00% ปรับลดจากครั้งก่อนหน้าที่ 4.25% ต่อด้วยการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ดัชนีราคาผู้ผลิตที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน (US Core PPI index) ของสหรัฐเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.4% YoY ต่อด้วยการรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.27 แสนตำแหน่ง
  • วันศุกร์ ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 67.9 จุด
- Advertisement -