Daily Focus: SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งสร้างฐานเหนือแนวรับ 1,400 จุด

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนีปิดบวก 6.17 จุด ที่ระดับ 1,421.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 4.75 หมื่นลบ. หนุนโดยกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 62 ลบ.และ 827 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกมา Long Index Futures 4.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวในระยะนี้ที่ 1,405-1,438 จุด หนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนข้างผ่อนคลาย ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา เงินเฟ้อ PPI ขยับตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย +0.2% m-m, +1.7% y-y ส่วนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาตามคาดที่ 2.3 แสนคน (ขยับขึ้นเล็กน้อยจาก 2.28 แสนคนสัปดาห์ก่อน) อย่างไรก็ตามตลาดมีการปรับคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED โดยมองความน่าจะเป็นที่จะปรับลดดอกเบี้ย 25 bps ลดลงจาก 85% วันก่อนหน้าเหลือ 57% โดยเพิ่มโอกาสจะเริ่มลดดอกเบี้ย 50 bps มากขึ้นในสัปดาห์หน้า ส่วนปัจจัยในประเทศนอกเหนือจากต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือว่าจะลุกลามขยายวงกว้างหรือไม่ อีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดรอจับตาคือการประชุมนัดแรกวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทว่าจะออกมารูปแบบไหน เมื่อใด รวมถึงการ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเดือน ต.ค. เรายังคงมุมมองเชิงบวกและตลาดมีความคาดหวังต่อการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยใน 4024-2025 จากนโยบายเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาจากครม. ซึ่งจะเป็นบวกโดยเฉพาะฝั่งการบริโภคในระยะสั้น ขณะที่เม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1-1.5 แสนลบ. จะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24

กลยุทธ์ : เลือกหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 13 ก.ย. 24 : AAV

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท
  •  เราคาดกำไร 3Q-4Q24 ของ AAV จะเติบโตทั้ง q-q และ y-y หนุนจากปัจจัยฤดูกาลหลังผ่าน Low Season ต่ำสุดใน 2Q24 ไปแล้ว โดยล่าสุด Load Factor เดือน ก.ค.-ส.ค. อยู่ที่ราว 91-92% และค่าตั๋วเครื่องบินคาดปรับขึ้น 13-16% เป็น 1,950-2,000 บาท 
  • AAV ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเบื้องต้นประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะเป็นทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 พันลบ. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเครื่องบินที่ปรับลง 17% YTD เป็นอีกปัจจัยบวกต่อต้นทุน ขณะที่เรื่องภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงอากาศยาน หากรัฐบาลปรับลดลงจะเป็น Upside ต่อประมาณการ
  • แนวรับ 2.50//2.40 บาท แนวต้าน 2.68//2.90-3 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$1,832 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$1,345 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$366 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าเกือบ ทุกประเทศ สูงสุดที่อินโดนีเซีย US$98 ล้าน และมีเพียงเวียดนามที่ไหลออกบางๆ US$8 ล้านแนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกและเม็ดเงินยังทยอยไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ส่วนโฟกัสหลักยังอยู่ที่การประชุม FED สัปดาห์หน้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มสายการบิน เราคาดกำไรปกติ 3Q24 ของทั้ง AAV และ BA จะโต y-y และ q-q โดยได้แรงหนุนจากราคาเชื้อเพลิงอากาศยานได้ปรับตัวลดลง 17% YTD ทั้งนี้ราคาเชื้อเพลิงที่ลดลงทุกๆ US$5 จะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงได้ประมาณ 200 ลบ. ต่อไตรมาส ให้แก่ AAV และ 35 ลบ. ต่อไตรมาสให้แก่ BA เราคาด Load factor และค่าบัตรโดยสารน่าจะปรับตัวดีขึ้น y-y ใน 3Q24 นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจลดภาษีสรรพสามิตเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เรายังให้น้ำหนักมากกว่าตลาด Valuation ต่ำ พร้อมปัจจัยบวกที่รออยู่ข้างหน้า คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ AAV (ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท) และ BA (ราคาเป้าหมาย 28 บาท)

(+) MAGURO เซ็นสัญญากับ Find Co.,Ltd, Japan เพื่อได้รับสิทธิ Franchise แต่เพียงผู้เดียวในไทยในการเปิดร้านอาหาร Tonkatsu Aoki ซึ่งเป็นร้านหมูทอดทงคัตสึชื่อดัง เป็นหมูทอดจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น ปัจจุบันมี 13 สาขาในญี่ปุ่น โดยจะเปิดสาขาแรกในไทยเดือน พ.ย. และรอดูผลตอบรับของสาขาแรก ก่อนพิจารณาขยายสาขาเพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับสาขาแรกนี้ เราได้รวมไว้ในประมาณการแล้ว แต่จะเริ่มส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 แบรนด์หมูทอดนี้ถือเป็นเมนูใหม่ของ MAGURO แต่ในตลาดถือว่ามีการแข่งขันระดับหนึ่ง ถือเป็นแบรนด์ใหม่แบรนด์ที่ 4 โดยยังมีแบรนด์ใหม่แบรนด์ที่ 5 ของบริษัทซึ่งจะเกิดสาขาแรกใน 4Q24 เช่นกัน ยังคงประมาณการและราคาเป้าหมายเดิม 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) MOSHI คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 99 ลบ. เพิ่มขึ้น 22% q-q และ y-y โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.5% q-q, 16.9% y-y จากการเปิดร้าน Moshi เพิ่ม 6 สาขา รวมเป็น 156 สาขา และ SSSG พลิกกับเป็นบวก 4-5% y-y จากติดลบ 8.5% y-y ใน 2Q24 จากปัญหาขาดแคลนสินค้าที่สำคัญ บริษัทได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้าน 7-11 ครั้งแรกตั้งแต่วัน 12 ก.ย. 2024 เป็นต้นมา หากได้รับการตอบรับดีก็จะเป็น Upside ต่อประมาณการของเรา แนวโน้ม 2H24 จะดีกว่า 1H24 จาก High Season ของธูรกิจ และจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่มและ SSSG ที่ดีขึ้น คงประมาณการปี 2024-26 โตเฉลี่ย +18% CAGR และราคาเป้าหมาย 50 บาท ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 235.06 จุด หรือ +0.58% ปิดที่ 41,096.77 จุดหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับเป้าหมาย 2% และเศรษฐกิจใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ เป็นส่วนใหญ่ยกเว้นตลาด CSI ที่เปิดบวกเล็กน้อยโดยในวันนี้มีประเด็นในภูมิภาคที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่าง รายงานดัชนี้เงินเฟ้อเดือน ส.ค. ของอินเดียที่ 3.65% y-y สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.87%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 68.97 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดได้แรงหนุนจากข่าวพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) ที่พัดขึ้นฝั่งรัฐลุยเซียนาและส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 69.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.62%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 38.20 ดอลลาร์ หรือ 1.50% ปิดที่ 2,580.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,589.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.36%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 870.78/ +0.53%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

13 ก.ย.สหรัฐ: Michigan Consumer Sentiment (ก.ย.), นำเข้า-ส่งออก (ส.ค.)
14 ก.ย.จีน: ค้าปลีก (ส.ค.)
17 ก.ย.สหรัฐ: ค้าปลีก (ส.ค.), ประชุมเฟดวันแรก

แคนนาดา :เงินเฟ้อ (ส.ค.)

18 ก.ย.สหรัฐ: ประชุมเฟดวันสุดท้าย

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

19 ก.ย.อังกฤษ: ประชุม BoE
- Advertisement -