KS Daily View 13.09.2024 >>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและปิดบวกได้ทุกกลุ่ม หลังตัวเลขเศรษฐกิจสร้างความมั่นใจถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้า รวมถึงได้แรงหนุนจากการลดดอกเบี้ยของ ECB คาด SET น่าจะมีแรงหนุนโดยมองกรอบ 1,400 – 1,440 แนะนำ PR9, AURA
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน Dow Jones +0.58%, S&P500 +0.75, Nasdaq Composite +1.00% และ Russell 2000 +1.22% หลังตัวเลขอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ออกมาที่ +1.7% YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน ในขณะเดียวกันจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 2,000 ราย เป็น 230,000 รายสูงกว่าตลาดคาดที่ 226,000 ราย ซึ่งข้อมูลที่ออกมานั้นเป็นปัจจัยหนุนให้มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps อีกด้วย โดยหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ทุก Sectors เมื่อคืนนี้ นำโดย Communication Services และ Consumer Discretionary ในขณะที่หุ้นในกลุ่ม Semiconductors ที่มีขนาดกลางปิดลบในภาพรวม แต่ตัวใหญ่อย่าง Nvidia และ Broadcom ปรับตัวขึ้น
SET Index ปิดที่ 1,421.58 จุด (+0.44%) ตลาดมีการรีบาวด์ขึ้นระหว่างวันไปทดสอบที่ระดับ 1,430 ก่อนจะย่อตัวลงมาโดยแรงหนุนหลักวานนี้มาจาก DELTA ที่ปรับตัวขึ้นแรงตามหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก วันนี้มอง SET น่าจะ Sideway up ได้ โดยมีกรอบที่ 1,400 – 1,440 แนะนำ PR9 และ AURA ที่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนและในระยะสั้นค่อนข้าง Outperform
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Deposit Rate ลง 25 bps จาก 3.75% เหลือ 3.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงใกล้เป้าหมาย 2% ขณะเดียวกันเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงชะลอตัว โดยการบริโภคของครัวเรือนอ่อนแอและความต้องการจากภายนอกลดลง ทำให้ ECB ต้องปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจนถึงปี 2026 แม้ว่าตลาดคาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ แต่ ECB ยืนยันว่าจะใช้การตัดสินใจตามข้อมูลในอนาคต เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่
- สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 2,000 ราย เป็น 230,000 รายสูงกว่าตลาดคาดที่ 226,000 ราย แต่ถึงแม้จะเพิ่มขึ้น ระดับการขอรับสวัสดิการยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนว่าตลาดแรงงานกำลังชะลอตัวลงแต่ยังไม่มีสัญญาณของการถดถอย ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.2% MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย แต่การเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% YoY เป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
- ประชาชาติธุรกิจ รายงานรัฐบาลเตรียมแจกเงินสด 10,000 บาทในโครงการดิจิทัลวอลเลตให้กลุ่มเปราะบาง 14.2 ล้านคน ในวันที่ 25 กันยายน 2567 รวมวงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ส่วนกลุ่มที่สองอีก 30 ล้านคน ยังไม่มีกำหนดชัดเจน นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ระบุว่าโครงการนี้มีเป้าหมายให้ประชาชนเรียนรู้การใช้ระบบดิจิทัลและสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลของประเทศ โดยยังไม่ได้ตัดสินใจรูปแบบการจ่ายเงินรอบที่สองที่ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อน
- Eli Lilly กำลังขยายการผลิตในไอร์แลนด์เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นสำหรับยาลดน้ำหนักและเบาหวาน Mounjaro และ Zepbound บริษัทได้ลงทุน 800 ล้านดอลลาร์ในโรงงานที่เมืองคินเซล เคาน์ตีคอร์ก เพื่อผลิตสารออกฤทธิ์ tirzepatide นอกจากนี้ยังประกาศลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์ที่โรงงานในลิเมอริก เพื่อผลิตยารักษาโรคอัลไซเมอร์และยาชีววัตถุอื่นๆ โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI และหุ่นยนต์อัตโนมัติ
- ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน จากพายุเฮอริเคนฟรานซีนที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงต่ำกว่าต้นปีมาก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ IEA คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะล้นตลาดในปีหน้า แม้ว่ากลุ่ม OPEC+ จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PR9: ราคาพื้นฐาน 21.60 บาท
PR9 คาดการณ์การเติบโตของรายได้ในปี 2567 ที่ระดับสองหลัก หลังจากผลประกอบการครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น บริษัทมีแผนเปิดศูนย์เฉพาะทางใหม่และเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อขยายฐานผู้ป่วย คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9.12% ในปี 2567 ทั้งนี้ PR9 ไม่มีความจำเป็นในการลงทุนใหญ่ครั้งใหม่ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 21.60 บาท
- AURA: ราคาพื้นฐาน 18.48 บาท
ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อทองคำและค้าปลีกทองคำ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการสินเชื่อทองคำที่ยังคงสูงเกินเป้าหมาย ประกอบกับราคาทองคำที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่สนับสนุน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการวางแผนกระจายแหล่งเงินทุนผ่านการออกพันธบัตรภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อทองคำในอนาคต รวมถึงมีโอกาสในการปรับเพิ่มค่ากำเหน็จทองคำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ AURA ยังคงต่ำกว่าระดับ Record High ที่ 20.3 บาทอยู่ถึง 32% แม้ว่าบริษัทจะมีผลกำไรที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับราคาทองคำและผลกำไรที่บริษัทสามารถสร้างได้ แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 18.48 บาท
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment Prelim) เดือน ก.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 67.9 จุด