บล. ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย): 

กลุ่มปิโตรเคมี เตรียมรับมือกำลังการผลิตระลอกใหม่

แรงกดดันสเปรดเอทิลีน-แนฟทาช่วง 12 เดือนข้างหน้า

  • ข้อมูลจาก Chemical Market Analytics (CMA) แสดงให้เห็นว่าทั่วโลกมีกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่มขึ้นเพียง 2.2mtpa ในไตรมาส 2/66 ถึงไตรมาส 3/67 อย่างไรก็ตาม การที่สเปรดเอทิลีน-แนฟทาในเอเชียทรงตัวในระดับต่ำที่ 260 เหรียญสหรัฐ/ตันตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา บ่งบอกว่าอุปสงค์ของเอทิลีนในภูมิภาคนี้ยังไม่พอดูดซับกำลังการผลิตที่ยังไม่ได้เปิดดำเนินงานเต็มที่
  • เราจึงคาดว่ากำลังการผลิตเอทิลีนที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดอีก 11.9mtpa ในไตรมาส 4/67 ถึงไตรมาส 4/68 จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อสเปรดเอทิลีน-แนฟทาในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

Naphtha cracker ในเอเชีย สามารถลดต้นทุนได้จำกัด

  • เราประมาณการว่าในเดือน ม.ค.-ส.ค. 67 ต้นทุนการผลิตเอทิลีนจากวัตถุดิบ LPG (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว) น่าจะอยู่ที่ประมาณ 110 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือถูกกว่าการใช้วัตถุดิบแนฟทา แต่ถึงแม้ว่าวัตถุดิบ LPG จะมีราคาถูกกว่า เราเชื่อว่าการเปลี่ยนมาใช้ LPG แทนแนฟทากลับไม่เกิดประโยชน์มากนัก เนื่องจาก LPG มีผลผลิตเป็นเบนซีนและบิวทาไดอีนค่อนข้างต่ำ ซึ่งผลิตภัณฑ์พลอยได้ทั้งสองชนิดช่วยหนุนสเปรดโดยรวมของ Naphtha cracker ในเอเชีย
  • นอกจากนี้ ยกเว้นว่าราคาน้ำมันจะดิ่งลงแรงในครึ่งหลังปีนี้ เราเชื่อว่าต้นทุนแนฟทาในเอเชียจะยังอยู่ที่ประมาณ 650-700 เหรียญสหรัฐ/ตัน เท่ากับว่า Naphtha cracker ในเอเชียสามารถลดต้นทุนได้จำกัด

การผลิตใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดอีกระลอกในไตรมาส 4/67

  • สเปรด PE (polyethylene)/PP (polypropylene) ในอาเซียนปรับฐานลงมาอยู่ที่ 146 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือน ส.ค. 67 หลังฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 220-270 เหรียญสหรัฐ/ตันในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 67 เทียบกับเฉลี่ย 200 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/67 ส่วนปัจจัยหลักที่กดดันสเปรด PE/PP มาจากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของ Naphtha cracker ในเอเชียเหนือ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างบิวทาไดอีนที่มีราคาสูง
  • นอกจากนี้ กำลังการผลิตใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดอีกระลอกในไตรมาส 4/67 เราจึงเชื่อว่าสเปรด PE/PP ในอาเซียนอาจไม่สามารถยืนอยู่ในระดับสูงกว่าต้นทุนเงินสดในครึ่งปีหลังนี้ และถึงแม้จะฟื้นตัว ก็จะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเป็นระยะเวลาสั้นๆในช่วงกลางปี 68

แนะนำคงน้ำหนักการลงทุน, PTTEP เป็นหุ้น Top pick

  • เรายังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) เนื่องจากมองว่าความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลอาจหักล้าง upside ของค่าการกลั่นในปี 68-69 ส่วน PTTEP ยังคงเป็นหุ้น Top pick ของเรา โดยเชื่อว่า upside risk จะมาจากความต้องการน้ำมันที่สูงกว่าคาด และ downside risk จะมาจากการแทรกแซงราคาขายปิโตรเลียมในประเทศของรัฐบาล
- Advertisement -