Daily Focus: Focus หลักสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ตามคาดโดยยังอยู่ในช่วงแกว่งสร้างฐานระยะสั้น ดัชนีปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 2.81 จุด ที่ระดับ 1,424.39 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 5.4 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 644 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1.8 พันลบ. (แต่ Short Index Futures 5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยกรอบหลักในการเคลื่อนไหวระยะนี้อยู่ที่ 1,400-1,440 จุด โดยโฟกัสสำคัญของตลาดสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก 25 หรือ 50 bps ซึ่งความน่าจะเป็นล่าสุดอยู่ที่ 47% : 53% ขณะที่ BoE และ BoJ คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยสัปดาห์นี้ ส่วนปัจจัยในประเทศ ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือและอีสานว่าจะลุกลามขยายวงกว้างหรือไม่ รวมถึงการประชุมครม.ใหม่นัดแรกวันที่ 17 ก.ย. โดยโครงการแจกเงินหมื่นเฟสแรกจะเริ่มแจกวันที่ 25-30 ก.ย. วงเงิน 1.42 แสนลบ. ส่วนเฟส 2 ที่เหลืออีกราว 30 ล้านคน ล่าสุดรมว.คลังระบุว่าปีนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันและคาดว่าจะทำได้ในปีหน้า ส่วนอีกประเด็นที่ต้องติดตามคือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเดือน ต.ค. ว่าจะดำเนินการได้ทันหรือไม่และให้หลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีต่อภาคธุรกิจอย่างไร โดยรวมเรามองว่าตลาดอาจปรับตัวขึ้นรับความคาดหวังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปพอสมควร ทำให้ระยะสั้น Upside จำกัดและชะลอสร้างฐานระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกระยะกลางยาวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 4Q24-2025 ที่เป็นขาขึ้น รวมถึงเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1-1.5 แสนลบ. ที่จะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24

กลยุทธ์ : เลือกหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 16 ก.ย. 24 : SFLEX

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.60 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 2H24 คาดเร่งตัวขึ้นจาก 1H24 โดยประมาณการกำไรปี 2024 ปัจจุบันที่คาด 224 ลบ. +23% y-y มี Upside หลังกำไร 1H24 ทำไปแล้ว 57% ของทั้งปี 
  • เรามองราคาน้ำมันและ Commodity ที่ปรับลงจะเป็นบวกต่อต้นทุนการผลิตของ SFLEX ราคาหุ้นที่ปรับลงราว 15% จาก High ทำให้ปัจจุบันเทรด PER ราว 13 เท่า  
  • แนวรับ 3.30-3.26 บาท แนวต้าน 3.50//3.66-3.70 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องแต่ปริมาณบางลงเหลือ US$564 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่อินโดนีเซีย US$1,166 ล้าน รองลงมาคือไต้หวัน US$163 ล้าน ตามด้วยไทย US$53 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้เม็ดเงินไหลออกค่อนข้างหนาแน่น US$819 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานโดยตัวเลขเศรษฐกิจจีนสุด สัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่โฟกัสหลักสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะลดดอกเบี้ย 25 หรือ 50 bps

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPN ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาฯ Mixed-use projects concrete five-year plan วางแผนลงทุน 1.21 แสนล้านบาทในระยะ 5 ปีข้างหน้า อยู่ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี ฐานะการเงินแกร่ง ไร้กังวลเรื่องเพิ่มทุน เตรียมเปิดเซ็นทรัลกระบี่ 3Q25 และปรับโฉมครั้งใหญ่ 4 ศูนย์การค้าในปี 2025-26 เราประมาณการณ์การเติบโตของรายได้เฉลี่ย +5% CAGR ในช่วงปี 2024-28 ซึ่งต่ำกว่าเป้าของบริษัทมาก และยังคงประมาณการกำไรปี 2024-28 เติบโตเฉลี่ย +7% CAGR และราคาเป้าหมาย 83 บาท Valuation ถูก จากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 16x ในปี 2025E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมราว 30% และถูกที่สุดในกลุ่ม Retail sector คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(+) MTC Fitch Rating ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของ MTC เป็นครั้งแรก โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศที่ BB และตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท ที่ A-(tha) outlook Stable นอกจากนี้ S&P Global Ratings ให้อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลต่างประเทศที่ BB- outlook Stable เรามีมุมมองบวกต่ออันดับความน่าเชื่อถือของ Fitch Rating ที่ A- ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินจากการออกหุ้นกู้สกุลบาทถูกลง ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-26 ชั้น 3.6% และ 4.5%จากการออกหุ้นกู้ใหม่ในต้นทุนการเงินที่ลดลง ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโต +25% CAGR จากเดิม +23% y-y CAGR และปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม้ปี 2025 เป็น 62 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมาย โดยอ้างอิงหุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 297.01 จุด หรือ +0.72% ปิดที่ 41,393.78 จุด เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นขนาดเล็กที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นอย่างมาก

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี, อสังหาริมทรัพย์ และเหมืองแร่ ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยตลาดจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปิดทำการในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ได้รับปัจจัยกดดันจากการประกาศชุดตัวเลขทางเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งโดยรวมต่ำกว่าที่ตลาดคาด

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.87%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 68.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังจากได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฟรานซีน และการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 68.84 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.28%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30.10 ดอลลาร์ หรือ 1.17% ปิดที่ 2,610.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 3.14% โดยยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินใน สัปดาห์หน้า ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,609.20 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.06%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 870.78/ +0.53%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

16 ก.ย.EU: ดุลการค้า (ก.ค.)
17 ก.ย.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.), ประชุมเฟดวันแรก

แคนาดา: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

18 ก.ย.สหรัฐ: ประชุมเฟดวันสุดท้าย

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

EU: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

19 ก.ย.อังกฤษ: ประชุม BoE
20 ก.ย.ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ, เงินเฟ้อ (ส.ค.)

จีน: Loan Prime rate 1Y

อังกฤษ: ค้าปลีก (ส.ค.)

- Advertisement -