Daily Focus: ครม.ใหม่ประชุมนัดแรกวันนี้ // โฟกัสหลักยังอยู่ที่การประชุม FED

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ในช่วงต้นชั่วโมงซื้อขาย ก่อนจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องตลอดวัน และปิดบวกได้ถึง 11.14 จุด ที่ระดับ 1,435.53 จุด แข็งแกร่งกว่าที่คาด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 6.1 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศมีสถานะค่อนข้างทรงตัวในตลาดหุ้น ขายสุทธิบางๆ 7 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางลงเหลือ 350 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 5.1 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways โดยปัจจุบันแกว่งตัวเข้าใกล้และทดสอบแนวต้าน 1,438-1,440 จุด โดยหากทะลุผ่านจะทำให้โมเมนตัมเป็นบวกและมีโอกาสปรับตัวเข้าหา SET Target ปีนี้ของเราที่ 1,470 จุด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหวต Wait and See โดยโฟกัสสำคัญอยู่ที่การประชุม FED คืนวันพุธ โดยตลาดคาดหวังมากขึ้นว่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก 50 bps ด้วยความน่าจะเป็นที่เพิ่มขึ้นเป็น 62% ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการประชุมครม.ใหม่นัดแรกวันนี้ โดยคาดเคาะแจกเงินหมื่นเฟสแรก 14.5 ล้านคนวันที่ 25-30 ก.ย. วงเงิน 1.45 แสนลบ. ส่วนเฟส 2 คาดมีลุ้นแจกปีหน้า โดยภาพรวมโครงการคาดไม่ถึง 40 ล้านคน ส่วนอีกประเด็นที่ต้องติดตามคือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเดือน ต.ค. ว่าจะดำเนินการได้ทันหรือไม่และให้หลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีต่อภาค ธุรกิจอย่างไร โดยรวมเรามองว่าตลาดอาจปรับตัวขึ้นรับความคาดหวังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปพอสมควร ทำให้ระยะสั้น Upside จำกัดและมีโอกาสแกว่งออกข้างสร้างฐาน เม็ดเงินมีโอกาส Rotate เข้าหากลุ่มที่ยัง Laggard รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้น เรายังคง มุมมองเชิงบวกระยะกลางยาวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 4Q24-2025 ที่เป็นขาขึ้น รวมถึงเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1-1.5 แสนลบ. ที่จะเข้ามาหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24

กลยุทธ์ : เลือกหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 17 ก.ย. 24 : BJC

  • แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA consensus 26.59 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 3Q24 คาดชะลอ q-q จาก Low Season ของธุรกิจ แต่คาดเติบโตได้ y-y โดยล่าสุด SSSG ของ BigC เดือน ส.ค. เริ่มพลิกมาเป็นบวกได้ราว 2% ขณะที่ Margin คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าไฟที่ลง รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน
  • Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2024-25 ที่ 4.3 พันลบ. -10% y-y และ 5.2 พันลบ. +20% y-y เราคาด BJC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการแจกเงิน 1 หมื่นบาทในสัปดาห์หน้า ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2025PER ต่ำที่สุดในกลุ่ม Consumer Staple ที่ราว 18 เท่า และยังต่ำกว่า Book Value ที่ราว 30 บาท และให้ Dividend Yield ราว 3-3.5 ต่อปี
  • แนวรับ 23.50//23 บาท แนวต้าน 24.25-24.50//26 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนค่อนข้างเบาบางโดยมีหลายตลาดปิดทำการ เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น จีน ส่วนตลาดที่เปิดเม็ดเงินไหลออกจากไต้หวัน US$217 ล้าน แต่ไหลเข้าอาเซียนอย่างไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ประเทศละ US$3-11 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังเบาบางต่อเนื่อง โดยตลาดที่ปิดทำการวันนี้ ได้แก่ มาเลซีย เกาหลีใต้จีน ไต้หวัน ขณะที่โฟกัสหลักสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุม FED ว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ย 50 bps ตามที่ตลาดคาดหรือไม่

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) M คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 355 ล้านบาท -11% q-q, -9% y-y จาก SSSG ที่ยัง -13% y-y แย่ลงจาก -11% Y-y ใน 2Q24 จากผลกระทบของฤดูกาล ขณะเดียวกัน SSSG ยังถูกกดดันจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอและธุรกิจสุกี้ยังมีการแข่งขันสูง เราคาดกำไร 4Q24 ฟื้นตัว q-q, แต่อาจลดลง Y-Y จากรายได้ที่ลดลง เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิ 2024 -8% y-y และคาดจะ ฟื้นตัวเป็น +7% ในปี 2025 โดยยังรอพัฒนาการใหม่ที่จะหนุนการเติบโตในอนาคต หลังเปิด MK Buffet ในไทยและการเปิดร้านแหลมเจริญ 3 สาขาในมาเลเชีย ราคาเป้าหมาย 34 บาท ยังแนะนำเพียง “ถือ”

(+) IVL ราคาหุ้นปรับขึ้นแรงวานนี้ น่าจะมาจากรายงานตัวเลข Asia Integrated PET spread เดือน ส.ค. ปรับขึ้นมาอยู่ USD 144/ตัน เพิ่มขึ้น +4.3% m-m และ +19% y-y ขณะที่ 3QTD อยู่ที่ USD 141/ตัน เพิ่มขึ้น 8.4% q-q จากสถานการณ์ Destock สินค้าเริ่มคลี่คลาย และต้นทุนวัตถุดิบต้นน้ำที่ปรับลง อย่างไรก็ตามภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังเผชิญแรงกดดันจาก Demand จีนที่อ่อนแอ และปัญหา Oversupply ยังอยู่ เบื้องตันเราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 จะพลิกเป็นบวกจาก spread product ที่ดีขึ้น q-q และบาทแข็งค่าจะมีกำไรจาก FX และไม่มีรายการด้อยค่าเงินลงทุน จาก 2Q24 ขาดทุน 2.3 หมื่นลบ. แนะนำ trading ระยะสั้น

(+) STGT/STA มีข่าว US ขึ้นภาษีถุงมือทางการแพทย์นำเข้าจากจีนเป็น 50% ในปี 2025 และ 100% ในปี 2026 จากปัจจุบันที่ 7.5% ถือว่าเซอร์ไพรส์เราและตลาด เพราะปรับขึ้นแรงมาก เรามองข่าวนี้เป็นบวก เพราะจีนคือคู่แข่งสำคัญของไทยและมาเลเซีย ปี 2023 สหรัฐมีการนำเข้าถุงมือการแพทย์จากมาเลเซียมากสุด 47% รองมาคือ ไทย 28% และจีน 22% การขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้ราคานำเข้าถุงมีอยางจากจีนในสหรัฐปรับขึ้นสูงมาก แนะนำเก็งกำไร STGT จะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากสุดของไทย และ STA จะได้ประโยชนลำดับถัดมา จากการรับรู้กำไรที่สูงขึ้นจาก STGT

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่าหรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 228.30 จุด หรือ +0.55% ปิดที่ 41,622.08 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินขนาดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ขณะที่ ในวันนี้มีประเด็นที่น่าจับตาภายในภูมิภาคคือ ตัวเลขส่งออกของสิงคโปร์ เดือน ส.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัว 15% y-y แต่หดตัว 3.3% m-m

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.09%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 70.09 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่าพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 70.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.46%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.07% ปิดที่ 2,608.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,607.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.05%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 872.23/ +0.20%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

17 ก.ย.สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ส.ค.), ประชุมเฟดวันแรก

แคนาดา: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

18 ก.ย.สหรัฐ: ประชุมเฟดวันสุดท้าย

อังกฤษ: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

EU: เงินเฟ้อ (ส.ค.)

19 ก.ย.อังกฤษ: ประชุม BoE
20 ก.ย.ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ, เงินเฟ้อ (ส.ค.)

จีน: Loan Prime rate 1Y

อังกฤษ: ค้าปลีก (ส.ค.)

23 ก.ย.ไทย: ยอดขายรถยนต์ในประเทศ (ส.ค.)
- Advertisement -