ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดดอกเบี้ย ระมัดระวังกลุ่มธนาคาร

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.25% ชะลอตัวลงหลังจากปรับขึ้นระหว่างวันทดสอบจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.07% นักลงทุนกลับมากังวลกับอุปสงค์จากการที่ FED ปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50%

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% สอดคล้องกับที่ CME FED Watch ประเมินไว้ แต่ผิดจากที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ว่าจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจปี 2024 พบว่า FED ปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 2%YoY จากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 2.1%YoY พร้อมกับปรับเพิ่มอัตราการว่างงานสู่ระดับ 4.4% จากเดิมที่ 4% พร้อมกับปรับเงินเฟ้อ (PCE) เหลือเพียง 2.3%YoY จากเดิมที่ 2.6%YoY ด้านดอกเบี้ยนโยบายปรับลงมาเหลือ 4.4% จากเดิมที่ 5.1% ปัจจุบันดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ อยู่ที่ 5% เท่ากับว่า FED ส่งสัญญาณจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.50% หลังจากนี้ โดย FED เหลือการประชุมอีก 2 ครั้งในปี 2024 เท่ากับว่าอาจเหลือปรับลดครั้งละ 0.25% หรือปรับครั้งใดครั้งนึง 0.50% และคงไว้อีกครั้งนึง ส่วนปี 2025 ประเมินอัตราการว่างงานเฉลี่ยทั้งปีที่ 4.4% ปรับเพิ่มจากเดิมที่ 4.2% พร้อมประเมินดอกเบี้ยปลายปี 2025 ไว้ที่ 3.4% หรือเป็นการส่งสัญญาณว่าปรับลดดอกเบี้ยลงทั้งหมดในปี 2025 อีก 1% สำหรับถ้อยแถลงของประธาน FED ได้ระบุไว้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังพยามที่จะบรรลุการรักษาเสถียรภาพของราคา (เงินเฟ้อ) โดยที่จะไม่ให้มีการเพิ่มขึ้นอย่างเจ็บปวดของอัตราการว่างงาน อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันประธาน FED ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาพที่ดี และเสริมว่ายังไม่เห็นสัญญาณใดๆ ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ภายหลังจากทราบข้อมูลทั้งหมดพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2, 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น Dollar Index ปรับขึ้นมาแข็งค่า โดย CME FED Watch ให้น้ำหนักการประชุมครั้งถัดไป (พ.ย.) FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ด้วยความน่าจะเป็น 68.3% สำหรับตลาดหุ้น S&P500 เมื่อคืนการเคลื่อนไหวของ Sector ผสมผสาน สะท้อนว่านักลงทุนยังสับสนกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยระมัดระวังกลุ่มธนาคารพาณิชย์จากโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงหลังจากนี้ด้วยเงินเฟ้อที่ไม่สูงประกอบกับ FED เริ่มปรับลดดอกเบี้ย ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์มองไปยังโรงไฟฟ้า อสังหาฯ REIT และหุ้นที่หนี้สินสูง (CPALL MINT) รวมไปถึงกลุ่มที่ต้นทุนเป็นดอกเบี้ย (MTC SAWAD TIDLOR) ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดขายบ้านมือสอง Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.3 แสนรายและ 3.9 ล้านหลังคาเรือน

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1425 – 1445 กลยุทธ์การลงทุนยังแนะลดพอร์ตการลงทุนเช่นเดิมจากการที่ดัชนีรับรู้ปัจจัยบวกไปมากแล้ว ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นแนะกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) อสังหาฯ (AP SPALI) หุ้นที่ภาระหนี้สินสูง (MINT CPALL) กลุ่มส่งออก (ITC TU) ปัจจัยหนุนเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

AP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท)

คาดผลประกอบการช่วง 2H24 จะเติบโต HoH เทียบกับใน 1H24 เนื่องจากการเร่งโอนตามกำหนดการปกติ ถึงแม้จะยังมีอัตรายกเลิกการจอง และยอดปฏิเสธสินเชื่อที่สูง ดังนั้นเราจึงมองว่าโอกาสที่จะเห็นการเติบโต YoY อย่างชัดเจนใน 2H24 เป็นไปได้ยาก

ITC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.25 บาท)

ภาพรวมในช่วง 2H24 ในแง่รายได้คาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ๆที่ยังมีอยู่รวมถึงปัญหาตู้สินค้าขาดแคลนได้ผ่านพ้นไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาทำให้การส่งสินค้าตั้งแต่เดือน ส.ค. กลับสู่ระดับปกติแล้ว ซึ่งล่าสุดผู้บริหารมีการแจ้งว่างวด 3Q24 มีคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้วประมาณ 90% ของเป้าที่ตั้งว่าจะเติบโต 18-19%YoY

- Advertisement -