ข้างนอกก็ดี ข้างในก็เด่น / 1,450- 1,465

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

SET คาดปรับตัวขึ้นต่อ : โดยมีแรงหนุนจากทั้งภายในและภายนอก ปัจจัยบวกภายนอกมาจาก 1) ตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐประจำสัปดาห์ที่ออกมาที่ 2.19 แสนราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.3 แสนราย และลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ออกมาที่ 2.31 แสนราย ช่วยเสริมภาพการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบ Soft landing ให้เฟดเนื่องจากจะสามารถบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อไปพร้อมกันได้ ตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับในทิศทางบวก โดยดัชนี Dowjones Nasdaq และ S&P ปรับตัวขึ้น 1.26% 1.7% และ 2.51% ตามลำดับ คาดสร้าง Sentiment บวกให้ตลาดหุ้นเอเชียและไทย 2) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลัง Citigroup คาดจะเกิดอุปสงค์ส่วนเกินใน 4067 กว่า 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังคาดการณ์ว่าอุปทานจากกลุ่ม OPEC+ และลิเบีย จะไม่เพียงพอในไตรมาสดังกล่าว เป็นบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ ด้านปัจจัยบวกภายในมาจากความคาดหวังในนโยบายของภาครัฐ โดยสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมของ “บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ” นัดแรกคาดจะเห็นความคืบหน้าของโครงการเงินดิจิทัล เฟส 2 และภายใน 2 สัปดาห์นี้ คาดจะมีความคืบหน้าในการนำโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” กลับมามองจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว ส่วนปัจจัยกดดันมองความกังวลในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังกดดันตลาดหุ้นเอเชีย หลังจีนเริ่มนำเข้าสินค้าน้อยลง และหันไปส่งออกเพื่อชดเชยอุปสงค์ภายในที่ถดถอย จึงอาจกดดันยอดส่งออกของประเทศคู่ค้าของจีนรวมถึงไทยที่มีจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือนก.ย. ตัวเลข GDP 2067 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือน ส.ค. และ ตัวเลขเงินเฟ้อ(PCE) เดือน ส.ค. ของสหรัฐ

กลยุทธ์การลงทุน : 1) วายุภักษ์: AP, SCB, BDMS, CPALL, LHHOTEL, TISCO 2) งบและนโยบายภาครัฐฯ: AEONTS, CK, KTB, KTC, SAWAD, TIDLOR, WHA 3) ดอกเบี้ยโลกขาลง: GPSC, GUNKUL, SPALI และ 4) ท่องเที่ยว: AOT, AAV, BA, CENTEL, ERW, MINT

ปัจจัยบวก

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงนาม MOU ก้าวสำคัญทางการค้า ‘ไทยกับสหราชอาณาจักร’ ยกระดับการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าในอุตสาหกรรม 20 สาขา พร้อมเดินหน้าเจรจาจัดทำ FTA ร่วมกัน
  • นางสาวแพทองธาร ชันวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นความเชื่อมั่นกระตุ้นการจับจ่าย พิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล จ่อเรียกประชุมครั้งแรกสัปดาห์
  • จีนเผยภาคคมนาคมขนส่งรองรับปริมาณการเดินทางของผู้โดยสาร ช่วงหยุดยาว 3 วันเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ อยู่ที่ราว 629.56 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 31.1% y-y
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นใน 4Q ตามความเห็นของนักวิเคราะห์จาก Citi โดยมองกลุ่มโอเปกได้เลื่อนการลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ รวมถึงการสูญเสียอุปทานจากลิเบีย คาดว่าจะทำให้ตลาดน้ำมันขาดดุล 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ปัจจัยลบ

  • ข้อมูลเครดิตบูโร 7 เดือน พบภายใต้หนี้ครัวเรือนที่ 13.6 ล้านล้าน หนี้เสียพุ่งต่อเนื่องใกล้แตะ 12 ล้านล้านบาท ขณะที่ SM ยอดค้างชำระไม่เกิน 90 วัน ทะลักอีก 1.7 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 6.7 แสนล้าน ใน ก.ค.
  • นายกสมาคมอาคารชด มอภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3/67 ยังไม่ฟื้นตัว หลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้อาจจะมีลูกค้าต่างชาติบางรายชะลอการโอน โดยจะเห็นการกลับมาโอนได้ในไตรมาส 4/67
  • ยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหภาพยุโรปลดลง 18.3% ในเดือนส.ค.67 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงสองหลักในตลาดหลักอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี และยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง
  • สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติขอให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบทวนราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ หลังราคาหมูไทยค่อนข้างสูง ทำให้ขาดความสามารถในการแข่งขัน และต้นทุนส่วนใหญ่มาจากอาหารสัตว์

PICKS OF THE DAY

KTC BUY

  • เป้าหมาย 49.00 / 50.00 แนวรับ 45.00
  • เก็งกำไรทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง: จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ทำให้มีแรงเก็งกำไรในกลุ่ม FIN จากประเด็นดังกล่าว ซึ่งหากทิศทางอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง จะทำให้หุ้นในกลุ่ม FIN รวมไปถึง KTC มีต้นทุนทางการเงินลดลง ส่งผลดีต่อผลประกอบการ
  • เข้าฤดูกาลจับจ่าย: ช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายสูง คาดว่าจะทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อ ประกอบกับการจ่ายเงินดิจิตัล 10000 บาท จะช่วยให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลดีต่อระดับ NPL ของบริษัท

GPSC BUY

  • เป้าหมาย 49.00 / 50.00 แนวรับ 45.00
  • Sentiment บวก จากการลดดอกเบี้ย : ล่าสุด FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% และยังมีแนวโน้มปรับลดต่อเนื่องในการปรับชุมครั้งถัดไป ทางฝ่ายคาดจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้า จากประโยชน์ของต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทที่ลดลง และน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรมากขึ้น
  • เดินหน้าพอร์ต Solar : โครงการ Solar Farm ที่อินเดียผ่าน AVAADA ซึ่งปัจจุบัน COD แล้วประมาณ 4.6 GW อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 2.1 GW ซึ่งจะทยอย COD ช่วงปลายปี นอกจากนี้อินเดีย ยังต้องการโรงไฟฟ้า Solar อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วยหนุนกำไรในระยะยาว นอกจากนี้จากสถานการณ์พายุในช่วงนี้น่าจะเป็น upside หนุนกำไรส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยบุรีในช่วง 3Q67 นี้
- Advertisement -