NUSA รับลูกหลัง ก.ล.ต.กล่าวโทษ เตรียมฟ้องอดีตกรรมการผู้บริหารเพิ่ม หลังเดินหน้าฟ้องมาแล้ว 3 คดี ย้ำไม่กระทบธุรกิจ บอร์ดใหม่เน้นบริหารโปร่งใสตรวจสอบได้ ยันธุรกิจและฐานการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสร้างผลตอบแทนนักลงทุน
“ณุศาศิริ” เดินหน้าเตรียมฟ้องอดีตกรรมการ-ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้อง เพิ่มหลังจากเดินหน้าฟ้องมาแล้ว 3 คดี ทั้งแพ่งและอาญา เป็นคดีหมายเลข อ1747/2567 พ1882/2567 พ1775/2567 หลัง ก.ล.ต. กล่าวโทษในหลายข้อหา เชื่อว่า การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. น่าจะเป็นคุณต่อการดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหาย และจากกรณีนี้ คาดว่าจะเป็นการเร่งให้กระบวนการเรียกร้องทรัพย์สินของบริษัทฯ กลับคืนมาได้เร็วขึ้น พร้อมย้ำว่าไม่กระทบต่อธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้ติดตามและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดมาตลอด เน้นบริหารงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยืนยัน ธุรกิจยังแข็งแรง และฐานการเงินยังแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องเพียงพอ อีกทั้งมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพื่อเดินหน้าสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในอนาคต
นายณัฐพศิน เชฏฐ์อุดมลาภ กรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่ข่าว ฉบับที่ 198/2567 และได้มีการกล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหารของ NUSA และพวก ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ ธุรกรรมการขายห้องชุดของบริษัทในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งการผ่องถ่ายเงินจากบริษัทฯ เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด และกรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และ/หรือ ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชี นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติการฟ้องร้องดำเนินคดีกับกรรมการและอดีตกรรมการของบริษัทฯ ทุกรายที่ร่วมลงมติอนุมัติการเข้าซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศทั้งทางแพ่งและอาญาแล้ว เพื่อเรียกร้องให้มีการรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนให้แก่บริษัท โดยทนายผู้รับผิดชอบคดีอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำคำฟ้อง และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อยื่นต่อศาลตามมติของคณะกรรมการบริษัทฯ ทั้งนี้ การกล่าวโทษของสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่มีผลกระทบในทางลบต่อการดำเนินงานและผลประกอบการของบริษัทฯ แต่อย่างใด โดยบริษัทฯ จะประสานงานกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้การดำเนินคดีของบริษัทฯ ดังกล่าวเป็นไปได้อย่างรวดเร็วเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยรวม
“ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินงธุรกิจและบริหารจัดการทางการเงิน มีการติดตามและตรวจสอบการทำธุรกรรมใด ๆ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เน้นบริหารงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยืนยัน ธุรกิจยังแข็งแรง และฐานการเงินยังแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องเพียงพอ อีกทั้งเตรียมแผนธุรกิจที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เพื่อรุกสร้างยอดขาย สร้างรายได้ สร้างความเชื่อมั่นและเดินหน้าสร้างผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในอนาคต รวมถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”