Daily Focus: ยังมอง SET ชะลอสร้างฐานหลังสัญญาณ Overbought ยังไม่หายไป

2024 SET Target: 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค จากแรงหนุนของตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ต่ำกว่าตลาดคาด ช่วยคลายกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย และยังได้รับ Sentiment บวกจากการลดดอกเบี้ยของ FED ดัชนีเริ่มแกว่งแคบในช่วงบ่าย และมีแรงขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นแรงไปในช่วงก่อนหน้า ทำให้ดัชนีปิดลบ 3.15 จุด ที่ระดับ 1,451.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังหนาแน่น 6.8 หมื่นลบ. นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 1.4 พันลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures 1.7หมื่นสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศซื่อสุทธิ 614 ลบ.

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideway สร้างฐานชะลอความร้อนแรง โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,440+- จุด ซึ่งสามารถทะลุผ่านขึ้นมาได้สัปดาห์ก่อน ภาพรวมดัชนียังมีสัญญาณ Overbought ทางเทคนิคหลังจากปรับตัวขึ้นร้องแรงในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมาตอบรับประเด็นบวกทั้งจากความคาดหวังการเมืองในประเทศที่นิ่ง รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ รวมถึงปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุม FED ที่เริ่มลดดอกเบี้ย 50 bps และคาดปรับลงอีก 75 bps ในช่วงที่เหลือของปีไปค่อนข้างมากพอสมควร ทำให้คาดว่าตลาดอยู่ช่วงรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ในช่วงที่เหลือของปีเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจและการจ้างงานสหรัฐฯยังคงแข็งแรงเพียงพอและไม่เกิด Recession ตามที่คาดหรือไม่ สัปดาห์มีมีตัวเลขสำคัญคือเงินเฟ้อ PCE เดือน ส.ค. รวมถึง Comment ของเจ้าหน้าที่และประธาน FED สาขาต่างๆ หลังหมดช่วง Blackout ขณะที่โฟกัสหลักคาดอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ซึ่งจะประกาศปลายสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามเรามองการย่อตัวของดัชนีจะไม่ลึกนักและยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางดัชนีหลังกองทุนวายุภักษ์ระดมทุนได้เกินเป้า คาดช่วยหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index ใน 4Q24 เป็นต้นไป

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 23 ก.ย. 24 : TFG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.90 บาท
  • คาดกำไรปกติ 3Q24 ที่ 1.28 พันลบ. +17% q-q และพลิกจากขาดทุนปีก่อน หนุนจากราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคงยืนในประดับสูง ขณะที่ราคาวัตถุดิบคาดยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องใน 2H24 หนุนให้ Gross Margin คาดขยับขึ้นต่อเนื่องเป็น 16% ในไตรมาสนี้
  • ธุรกิจร้านค้าปลีกคาดยังเป็น Growth Driver โดยมีแผนเปิดเพิ่มเป็น 450 สาขาในสิ้นปีนี้จาก 364 สาขา ณ สิ้น 2Q24 เรามองบวกเนื่องจากจะเป็นปัจจัยช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงานที่ขึ้นกับราคาเนื้อสัตว์ เราคาดกำไรปกติปี 2024 ที่ 3.06 พันลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER 9 เท่าและให้ปันผลราว 5% ต่อปี 
  • แนวรับ 4.46 บาท แนวต้าน 4.58//4.68 บาท 

Fund Flow : วันศุกร์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นขึ้นขึ้นเกือบสองเท่าจากวันก่อนหน้าที่ US$872 ล้าน โดยกระจุดตัวในเกาหลีใต้ US$709 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลเข้าเกือบทุกประเทศ นำโดยไทย US$43 ล้าน รองลงมาเป็นอินโดนีเซีย US$35 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานจีนออกมาอ่อนแอ ขณะที่ Loan Prime Rate ยังไม่ได้มีการปรับลง ภาพรวมตลาดตอบรับปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยของ FED 50 bps และคาดหวังช่วงที่เหลือของปีลดดอีก 75 bps ไปมากพอสมควร ระยะสั้นมองตลาดรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ โดยสัปดาห์นี้มีตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ย.

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) KKP คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 919 ลบ. ฟื้นตัว +20% q-q แต่ -28% y-y เราคาด credit costs ลดลงจากขาดทุนรถยึดที่ลดลง ขณะที่ fee income เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ PPOP +4% แต่ -9% y-y โดยค่าดอกเบี้ยรับสุทธิลดลงทั้ง q-q และ y-y จากการปล่อยสินเชื่อชะลอตัว โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ขณะที่ cost of fund ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ load spread แคบลง ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังมีความเสี่ยง คาด NPL ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นแต่สามารถจัดการได้ คาดกำไรสุทธิ 9M24 -33% y-y และคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี แม้เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นจากกองทุนว่ายุภักษ์อาจหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมสูงกว่าเราคาด แต่เรายังคงคาดกำไรสุทธิ 2024-26 -1.2% CAGR อย่างระมัดระวัง และราคาเป้าหมาย 50.30 บาท div. yield 5-6% ยังแนะนำ “ถือ”

(0) CKP คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 973 ลบ. ก้าวกระโดด q-q, แต่ -4.8% y-y ต่ำกว่าที่คาดก่อนหน้านี้ แม้เป็น Peak Season แต่โรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีหยุดผลิตชั่วคราว 17 วัน จากภาวะน้ำท่วม เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024 ลง 23% จากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง หลักๆ มาจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีดังกล่าวข้างต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2024 ลดลง 17% y-y และได้ราคาเป้าหมายใหม่ 4.35 บาท อย่างไรก็ดีเหตุการณ์น้ำท่วมมีผลกระทบจำกัดและชั่วคราว ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) IPO ใหม่ TMAN เป็นผู้ผลิตและ/หรือจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทเอง (ราว 98% ของรายได้ปี 2023) และรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก บริษัทมีประสบการณ์นานกว่า 50 ปี เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ มีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์หลากหลายที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับ โดย Product champion 5 แบรนด์หลัก คือ Propoliz, Vita-C, Myda, IBUMAN และไอยรา มีสัดส่วนรวมกัน 46% ของยอดขายในปี 2023 เร่าคาดรายได้ปี่ 2024-26 โตเฉลี่ย 14% CAGR คาดกำไรสุทธิขยายตัว 21%/9%/9% ตามลำดับ ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2025 ที่ 25.50 บาท อิง PE 20 เท่า (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายฯ)

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไป สำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CPALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 38.17 จุด หรือ +0.09% ปิดที่ 42,063.36 จุด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นหลังจากตลาดทะยานขึ้นอย่างมากในวันพฤหัสบดี ซึ่งได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังทะยานขึ้นอย่างมากในวันพฤหัสบดี ซึ่งได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50%

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสม หลังปิดบวกแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา นำโดยตลาด จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น ด้วยแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 32.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.63%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และการลดลงของสต็อกน้ำมันในสหรัฐฯ ในขณะ ที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 71.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.30%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 31.60 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 2,646.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,612.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.17%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 875.39| +0.16%

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 ก.ย.ไทย: ยอดขายรถยนต์ในประเทศ (ส.ค.)
24 ก.ย.ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง RBA
25 ก.ย.ไทย: ส่งออก (ส.ค.)
26 ก.ย.สหรัฐ: Durable Goods Orders (ส.ค.), Fed Chair Powell Speech
27 ก.ย.สหรัฐ: Core PCE Price Index (ส.ค.)
- Advertisement -