Daily Focus: Sentiment ต่างประเทศบวก แต่ SET ยัง Upside จำกัด

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวด้วย Upside ที่จำกัดตามคาด ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันระหว่างวันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ดัชนีฟื้นตัวลดช่วงลบในช่วงท้าย ก่อนปรับลงเล็กน้อย 3.79 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,447.90 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงหลือ 5.1 หมื่นลบ. โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 185 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อหุ้นต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 435 ลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures บางๆ 1.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,440-1,460 จุด โดยแม้ Sentiment การลงทุนในฝั่งต่างประเทศจะยังคงค่อนไปในทางบวกทั้งความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของ FED รวมถึงจีนที่คาดทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป อย่างไรก็ตามภาพรวม SET Index ยังคงมีสัญญาณ Overbought ทางเทคนิคค้างอยู่หลังจากปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา และพักตัวค่อนข้างน้อยทำให้ Upside ในการปรับขึ้นระยะสั้นยังทำได้ค่อนข้างจำกัด และเรามองว่าดัชนียังมีโอกาสลดความร้อนแรงระยะสั้นเพื่อสะสมกำลังในการปรับขึ้นในระยะกลาง-ยาวต่อ ภาพรวมตลาดยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาหนุนหลังตอบรับความคาดหวังการเมืองในประเทศที่นิ่งและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ไปพอสมควร โดยตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ต่างประเทศติดตามเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ส.ค. ส่วนไทยจะมีรายงานตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. เช่นกัน ขณะที่โฟกัสหลักคาดอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ก.ย. ปลายสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามเรามองการพักตัวของดัชนีจะไม่ลึกมากนักและยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มดัชนี้ใน 4024 โดยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1 ช่วยหนุนหรือจำกัด Downside ของ SET Index

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CPALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 24 ก.ย. 24 : BBL

– แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 184 บาท

– เราคาดว่า BBL จะเป็นหนึ่งในธนาคารที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการลงทุนรอบใหม่ตามภาวะเศรษฐกิจที่เร่งตัวจากนโยบายของรัฐบาล รวมถึงงบประมาณที่ไม่ล่าช้าเหมือนปีก่อน และเราคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือน ต.ค. 

– จุดเด่นของ BBL คือ Valuation ที่ยังถูกมาก ปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.5 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มธนาคาร และให้ Dividend Yield 4.7-4.9% ต่อปี 

– แนวรับ 153//150 บาท แนวต้าน 159-159.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคผสมผสาน สุทธิแล้วไหลออก US$101 ล้านเม็ดเงินไหลออกจากเกาหลีใต้ US$552 ล้าน แต่ไหลเข้าไต้หวัน US$316 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินยังคงไหลเข้าทุกประเทศ นำโดยอินโดนีเซีย US$81 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนมาในทิศทางไหลเข้าโดยตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อการปรับลดดอกเบี้ยอย่าง ต่อเนื่องของ FED ในอนาคต รวมถึงจีนที่คาดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มธนาคาร เราคาดธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราทำการศึกษาจะรายงานกาไรสุทธิ 3Q24 รวมเพิ่มขึ้น +1.3% q-q และ +7.5% y-y เป็น 5.42 หมื่นลบ. จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากรายได้ค่าธรรมเนียมและผลขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานที่ค่อนข้างทรงตัว คุณภาพสินทรัพย์มีความน่ากังวลลดลงใน 3Q24 และไม่มีสัญญาณที่น่ากังวลเกี่ยวกับสินเชื่อขนาดใหญ่ คาดกำไรสุทธิปี 2024 รวมอยู่ที่ 2 แสนลบ. +2.6% y-y ส่วนมากจากฐานที่สูงในปี 2023 สำหรับในปี 2025-26 คาด Upside risk ต่อประมาณ 5.7-6.8% y-y ที่คาดจะได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เราปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนเป็น Neutral จากเดิม Underweight โดยมี KTB (ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 184 บาท) เป็น Top pick

(+) NSL แจ้งข่าวตลาดเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการน้ามะพร้าวและข้าวโพดอ่อน เรามองดีลนี้เป็นบวก เนื่องจากธุรกิจน้ำมะพร้าวและข้าวโพดอ่อนสร้างรายได้ 250 ลบ. ในปี 2023 และมีกำไร 10 ลบ. ทั้งสองบริษัทมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงรวม 14 ลบ./ปี และต้องจ่ายคืนสินเชื่อก่อนการส่งมอบ เมื่อหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยกำไรน่าจะอยู่ที่ 24 ลบ. คิดเป็นอัตรากาไรสุทธิ 9.6% ซึ่งสูงกว่าของ NSL อยู่เล็กน้อย รายได้และกำไรจาก NB+PNF คิดเป็น 5.2% และ 7% ของรายได้รวมและกาไรของ NSL ในปี 2023 ตามลาดับซึ่งจะให้ผลบวกต่อราคาเป้าหมายของเราประมาณ 1.6 บาท/หุ้น นอกจากนี้เรายังทราบราคาซื้อขาย PNF อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล คงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย 43 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CPALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 ก.ย.ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง RBA
25 ก.ย.ไทย: ส่งออก (ส.ค.)
26 ก.ย.สหรัฐ: Durable Goods Orders (ส.ค.), Fed Chair Powell Speech
27 ก.ย.สหรัฐ: Core PCE Price Index (ส.ค.)
30 ก.ย.Ãu: NBS Manufacturing PMI (ก.ย.)

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.29 จุด หรือ +0.15% ปิดที่ 42,124.65 จุด โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนสนับสนุนแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ โดยหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก สอดคล้องกับทิศทางของตลาดสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ขณะที่ มีประเด็นภายในภฒิภาคที่ตลาดจับตามอง คือ Press conference ของ PBoC โดยตลาดคาดหวังว่าจะมีการแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังการรายงานดัชนีทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า

(0) ค่าเงินบาท ทรงตัว อยู่ที่บริเวณ 32.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 0.00%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 63 เซนต์ หรือ 0.89% ปิดที่ 70.37 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน และจีนอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 70.49 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.17%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 2,652.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดมากขึ้น ในขณะที่เช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 2,651.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.04%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 875.39/ –

- Advertisement -