ส่งออกไทยขยายตัวดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.7% โดย Dow Jones , S&P500 อ่อนตัวลงหลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยไม่ได้มีปัจจัยกระทบอย่างมีนัยยะ เป็นเพียงแรงทำกำไร ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.6% หลังมีสัญญาณว่าความขัดแย้งในลิเบียเริ่มคลี่คลายลง

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 7.16 แสนหลังคาเรือน ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6.9 แสนหลังคาเรือน พร้อมกับสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ตลาดตอบรับเชิงบวกเล็กน้อยสะท้อนการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดย CME FED Watch ล่าสุดหันมาให้น้ำหนักราว 57% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.50% โดยที่น้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 42.6% แม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนจะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้แต่ตัวเลขอื่นๆ ยังเห็นการอ่อนแอ อาทิ ภาคผลิตต่ำกว่าระดับ 50 อัตราการว่างงานที่เริ่มขยับขึ้นสำหรับปัจจัยในประเทศวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือนส.ค. ขยายตัว 7%YoY ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 6% YoY พร้อมกับเกินดุลการค้า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ว่าจะทรงตัว สินค้าส่งออกภายในที่ขยายตัวได้ดีได้แก่ ยางพารา (+65%YoY) อาหารทะเลกระป๋อง (+20%YoY) อาหารสัตว์เลี้ยง (+25% YoY) ด้านสินค้า อุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ได้แก่ รถยนต์ (+0.4% YoY) เครื่องคอมพิวเตอร์ +75%YoY มองเป็นบวกกับหุ้น STA TU ITC HANA SVI โดยกระแสเงินทุนวานนี้พบว่านักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ 555 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ พร้อมกับ Short อีกราว 1.79 หมื่นสัญญา นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 วันทำการ ในส่วนของตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแล้ว 14.7% ส่งผลให้ในแง่ Earnings Yield Gap กลับลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ย บ่งชี้ว่าระดับ Valuation เริ่มไม่อยู่ในจุดที่ถูกมากนัก นักลงทุนจึงอาจเพิ่มความระมัดระวังต่อการลงทุนมากขึ้น ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.24 แสนรายรวมถึงมีกำหนดแถลงจากประธาน FED และ ECB เชื่อว่านักลงทุนจะติดตามสัญญาณด้านดอกเบี้ย

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1450 – 1470 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน อาจเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นด้วย Valuation ที่เริ่มไม่อยู่ในจุดที่ถูก โดยช่วงนี้เป็นลักษณะ Trading ระยะสั้นมากกว่าจะเป็นกลยุทธ์สะสมระยะยาว หุ้นแนะนำระยะสั้นได้แก่หุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อยและมีปัจจัยการเติบโตของกำไร อาทิ (ITC TU BEM AOT M MINT) ส่วนกลุ่มอื่นๆที่น่าสนใจ ท่ามกลางเงินบาทแข็งค่า ราคาพลังงานพร้อมกับดอกเบี้ยปรับลง ได้แก่ โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

BEM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท)

กำไรสุทธิ 2Q24 อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท (+14%YoY, +28%QoQ) หากตัดรายการพิเศษกำไรจากค่าเงิน 19 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังมีการตั้งด้อยค่า Oliver 30 ล้านเหรียญ ส่งผลให้กำไรปกติอยู่ที่ 2.34 หมื่นล้านบาท (+22%YoY, 19%QoQ)

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท)

แนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและครึ่งปีแรก จากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Foods) ขณะที่ในแง่ต้นทุนราคาปลาทูน่าแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1H24 แต่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้

- Advertisement -