วิษณุ-ศิริญา อดีตบี้กณุศาศิริ เปิดอกแถลงข้อเท็จจริง วอนกลต.เข้าใจและทบทวนจากความเป็นจริง ชี้ทุกข้อสงสัย ในการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมัน เปิดใจรับไม่ได้กับข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์
วิษณุ – ศิริญา เทพเจริญ อดีตผู้บริหาร บ.ณุศาศิริ จำกัด มหาชน ได้รับการเสนอข่าวจากทาง ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร กับพวก รวม 6 ราย ต่อ DSI กรณีทุจริตและการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จ พร้อมส่งเรื่องต่อไปที่ ปปง. และได้ส่งข่าวนี้ต่อไปยังสื่อมวลชนไปเมื่อวันก่อน
จากกรณีนี้ วิษณุ – ศิริญา เทพเจริญ ได้เปิดเผยข้อมูลเพื่อแสดงเจตนาอันบริสุทธิ์ ตามหลักของการดำเนินธุรกิจในนามบริษัท ณุศาศิริฯ กับเรื่องที่ ก.ล.ต. ได้ท้วงติงและกล่าวโทษในครั้งนี้ว่า “ที่กล่าวว่าเป็นการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญจากการที่ผู้บริหารนั้น ด้วยเหตุผลที่เราเข้าซื้อโรงแรมในครั้งนี้ด้วยเพราะเราได้เล็งเห็นว่า ในสถานะการณ์ ณ เวลานั้น ธุรกิจหลักของบริษัทในด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังที่จะถอยลง เราจึงมองหาธุรกิจด้านใหม่ที่จะสามารถทำให้ บริษัทสามารถไปต่อได้ โดยเล็งเห็นแล้วว่า ธุรกิจด้านสุขภาพ น่าจะเป็นธุรกิจที่จะสามารถทำกำไรและไปต่อได้ดีทั้งในวันนี้และในอนาคต ผู้บริหารจึงได้มุ่งมั่นที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจด้านนี้
ดังนั้นเราจึงเริ่มลงทุนในการซื้อ กลุ่ม Panacee ทั้งประเทศไทย และประเทศจีน ในเมื่อปี 2561 โดยมีการวางแผน ธุรกิจต่างๆตั้งแต่ ปี 2562 -2563 ว่าจะทำการหาลูกค้าหรือมองกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม high end ทางผู้บริหารได้เล็งเห็นว่าลูกค้าชาวจีนน่าจะมีศักยภาพสูงที่จะเป็นลูกค้าของเราได้ เราจึงได้เข้าพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจ นี้ จึงได้ข้อสรุปว่าหากเราเข้าทำธุรกิจด้านสุขภาพกับทางจีน เรามีเงื่อนไขการส่งลูกค้าที่จะไปใช้บริการที่เยอรมันปีละ อย่างน้อย 200 – 300 คน ซึ่งถ้าเราได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ ก็จะทำให้ธุรกิจ โรงพยาบาลและโรงแรมทำรายได้ให้แก่บริษัทมากขึ้น เราจึงเข้าซื้อที่เยอรมัน ซึ่งก็จะทำให้เราได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และก็จะสามารถดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างมั่นคง และเมื่อมาดูในเรื่องราคาที่เราซื้อมา ราคา 740 บาท ราคานี้ เมื่อคำนวนแล้ว เนื้อที่ 10,000 กว่าตารางเมตร ห้องพัก อีก 75 ห้อง ได้ธุรกิจเวลเน็ต และได้แบรนด์ของธุรกิจมาด้วย ราคานี้จึงถือว่าไม่แพง และคุ้มค่ากับการลงทุนมาก
ดังนั้นเมื่อโดนข้อกล่าวหาข้างต้น จึงอยากขอวิงวอนให้ กลต.มองไปถึงเจตนาในการเข้าทำธุรกิจต่างๆ หรือการลงทน ว่าเราไม่ได้มีเจตนาทำให้บริษัทเสียหายหรือขาดทุน แต่เราพยายามทำให้บริษัทของเราอยู่รอดและเติบโตไปยิ่งขึ้นไป