Daily Focus: แนวโน้ม SET Index ยังแกว่งขึ้นสลับพักตัว

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เริ่มปรับพักตัวระยะสั้น หลังจากชนเป้าหมายปีนี้ของเราที่ 1,470 จุด วันก่อนหน้า ดัชนีปิดลบ 6.55 จุด ที่ระดับ 1,455.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 5.6 หมื่นลบ. โดยมีแรงขายในหุ้น China Play ที่มีการเก็งกำไรจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐจีนในช่วง 2 วันก่อนหน้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 773 ลบ.และ 1.3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 9.9 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,450-1,470 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนข้างเป็นบวก หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแข็งแรงทั้ง GDP 2Q24 (ตัวเลขสุดท้าย) ที่ +3% SAAR รวมถึงผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ชะลอตัวลงจากสัปดาห์ก่อนเหลือ 2.18 แสนราย ทำให้ตลาดลดความกังวลต่อโอกาส Recession และ FED behind the curve ลงบ้าง อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในระยะถัดไปต่อเนื่อง โดยคืนนี้ติดตามเงินเฟ้อ PCE เดือน ส.ค. ส่วนโฟกัสหลักอยู่ที่สัปดาห์หน้าทั้ง ISM ภาคการผลิตและบริการ และโดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรส่วนในฝั่งเอเชียยังคง มี Sentiment บวกจากฝั่งจีนต่อเนื่อง โดยล่าสุดโปลิตบูโรให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังเพื่อกระให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนในประเทศระยะสั้นเราเชื่อว่านโยบายแจกเงินหมื่นที่เริ่มต้นแล้วเฟสแรก 1.45 แสนลบ.จะหนุน GDP 4Q24 และชดเชยผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วม เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Consumption Play ด้าน Downside ของดัชนีเราคาดว่าจะไม่ปรับตัวลงลึกโดยมีเม็ดเงินใหม่จากกองทุนวายุภักษ์ 1 เข้ามาช่วยหนุนในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 2H24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS, CPALL, ICHI, MTC, NSL

FSSIA Portfolio: AOT, CHG, CALL, CPN, GPSC, KCG, KTB, MTC, NSL, SHR, TU

หุ้นเด่น Finansia 27 ก.ย. 24 : AAV

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท
  • เราคาดกำไร 3Q-4Q24 ของ AAV จะเติบโตทั้ง q-q และ y-y หนุนจากปัจจัยฤดูกาลหลังผ่าน Low Season ต่ำสุดใน 2Q24 ไปแล้ว โดยล่าสุด Load Factor เดือน ก.ค.-ส.ค. อยู่ที่ราว 91-92% และค่าตั๋วเครื่องบินคาดปรับขึ้น 13-16% เป็น 1,950-2,000 บาท 
  • AAV ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเบื้องต้นประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะเป็นทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 พันลบ. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเครื่องบินที่ปรับลง 17% YTD เป็นอีกปัจจัยบวกต่อต้นทุน ขณะที่เรื่องภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงอากาศยาน หากรัฐบาลปรับลดลงจะเป็น Upside ต่อประมาณการ
  • แนวรับ 2.60//2.50 บาท แนวต้าน 2.70//2.90-3 บาท 

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาหน่น US$1,153 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$708 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$512 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน โดยไหลออกจากอินโดนีเซียสูงสุด US$150 ล้าน แต่ไหลเข้าฟิลิปปินส์ US$86 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดผ่อนคลายกังวลต่อโอกาสที่จะเกิด Recession หรือ FED ที่ Behind the Curve

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตา Core PCE เดือนก.ย. ตลาดคาด core PCE เดือนส.ค +0.2% m-m เท่ากับเดือนก่อนหน้า และ +2.7% y-y เพิ่มขึ้นจาก +2.6% y-y ในเดือน ก.ค. 2024 หากเป็นไปตามคาดเชื่อว่าน่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้น

(-) กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. เผยยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนส.ค. 67 ลดลง -2.6% m-m และ -25% y-y อยู่ที่ 4.5 หมื่นคัน จากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่วนยอดส่งออกเดือนส.ค.อยู่ที่ 8.6 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 3% m-m แต่ลดดลง 1.7% y-y สำหรับยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดในช่วง 8M24 อยู่ที่ 1 ล้านคัน -17.6% y-y

(0) STANLY คาดกำไรสุทธิ 2QFY25 ที่ 227 ลบ. -26% q-q, -54% y-y จากผลการควบรวมโรงงานผลิตโคมไฟ ทำให้ต้อบันทึกด้อยค่าของสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวราว 335 ล้านบาท ในปี FY25 (งบสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2025) แต่การควบรวมโรงงานครั้งนี้จะส่งผลดีในระยะยาว เพราะจะเป็นการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ FY25 ลง 20% จากการบันทึกด้อยค่าของสินทรัพย์ แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี FY26-FY27 ขึ้น 6% และ 2% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปี FY26 +16% Y-Y และทรง ตัวในปี FY27 คงราคาเป้าหมาย 210 บาท ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ยังแนะนำเพียง “ถือ”

(+) หุ้นเป้าหมายกองทุนวายุภักษ์ 1 ระบุให้ผลตอบแทน 3-9% ระยะเวลาลงทุน 10 ปี เราคัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายโดยอ้างอิง หุ้นที่มี ESG Rating A ขึ้นไปสำหรับ SET100 และ AA ขึ้นไปสำหรับหุ้นนอก SET100 โดยเน้นหุ้นที่มี Dividend Yield ราว 3% หรือสูงกว่า หรือหุ้นเติบโตดี (Dividend Yield อาจไม่ถึง 3%) ได้แก่ ADVANC AP BAM BBL BCH BDMS BJC CPALL CPN HMPRO ICHI INTUCH KBANK KTB MEGA MINT OSP SC SIRI TISCO WHA WHAUP PR9 DIF 3BBIF TFFIF AIMIRT CPNREIT LHHOTEL LHSC WHAIR

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 260.36 จุด หรือ +0.62% ปิดที่ 42,175.11 จุด ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยหุ้นที่พึ่งพาตลาดจีน อาทิ หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปปรับตัวขึ้นด้วย หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยีของสหรัฐคาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่ง

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก นำโดยตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้มีรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมของผู้ประกอบการจีนเป็นประเด็นจับตาหลัก

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าแรง อยู่ที่บริเวณ 32.39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -1.20%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.02 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 67.67 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสื่อรายงานว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. เช่นเดียวกับสมาชิกรายอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 67.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.87%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 2,694.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อนอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ย. ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,692,80 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.08%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 877.12/ –

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

27 ก.ย.สหรัฐ: Core PCE Price Index (ส.ค.)
30 ก.ย.จีน: NBS Manufacturing PMI (ก.ย.)
1 ต.ค.ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ก.ย.)

สหรัฐ: ISM Manufacturing PMI (ก.ย.), JOLT Job Quits (ส.ค.)

2 ต.คประชุมกลุ่ม OPEC+
3 ต.คสหรัฐ: ISM Services PMI (ก.ย.)
- Advertisement -