KS Daily View 27.09.2024 >>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นโดย S&P500 ขึ้นทำ All Time High จากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของ Micron SET ปิดลบสวนทางภูมิภาค แรงกดดันมาจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงต้นสัปดาห์ มองกรอบ 1,440 – 1,480 แนะนำ AAV, HMPRO

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น Dow Jones +0.62%, S&P500 +0.40%, Nasdaq Composite +0.60% และ Russell 2000 +0.57% โดย S&P500 ขึ้นทำ All Time High เป็นครั้งที่ 42 ในปีนี้ แรงหนุนมาจากผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของผู้ผลิตชิปหน่วยความจำอย่าง Micron Technology การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของจีน และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ โดยกลุ่มที่ Outperform ได้แก่ Materials จากมาตรการกระตุ้นของจีน และ Technology โดยเฉพาะกลุ่มชิป ในทางตรงกันข้าม Energy Underperform หลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง รวมถึงกลุ่ม Real Estate และ Utilities ที่กดดันจาก 10Y US Bond Yield ที่ปรับตัวขึ้น

SET Index ปิดลบ 6 จุด โดยปิดที่ระดับ 1,455.03 จุด ยังคงปรับฐานต่อเนื่องสวนทางตลาดในภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นแรงขานรับผลประกอบการของ Micron Technology ที่ดีกว่าคาดและทางการจีนส่งสัญญาณกระตุ้นด้วยนโยบายการคลังเพิ่มอีกแรง โดยตลาดกดดันจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในกลุ่ม Petrochemical, Packaging และกลุ่มเดินเรือ ในขณะที่กลุ่มอื่นพอยืนได้ โดยมองตลาดที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน มองกรอบที่ 1,440 – 1,480 แนะนำ AAV, HMPRO

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. สหรัฐฯ รายงาน GDP 2Q24 รอบสุดท้าย ขยายตัวที่ +3% QoQ เท่ากับการรายงานในครั้งที่แล้ว และสูงกว่าคาดที่ +2.9% QoQ โดยทางการได้มีการปรับปรุงข้อมูลประจำปีตั้งแต่ช่วงหลัง Pandemic พบว่าเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า ในขณะเดียวกันก็รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยลดลง 4,000 รายจากสัปดาห์ที่แล้ว เหลือ 218,000 ราย และต่ำกว่าคาดที่ 223,000 ราย
  • อินโฟเควสท์ รายงานรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายพิชัย ชุณหวชิร เปิดเผยว่ารัฐบาลกำลังศึกษามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยพิจารณาให้สิทธิการใช้ที่ดินแก่ชาวต่างชาติเพื่อเพิ่มอุปสงค์ ขณะเดียวกัน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กำลังดำเนินโครงการปรับโครงสร้างหนี้ช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมประมาณ 100,000 ราย โดย 10,000 รายเป็นหนี้เสีย (NPL) ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินมาตรการด้านที่อยู่อาศัยและเชิญชวนธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ด้วย
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รายงานว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนสิงหาคม 2567 หดตัว 1.91% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ 8 เดือนแรกหดตัวเฉลี่ย 1.55% เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือน การนำเข้าสินค้าราคาถูก และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สศอ. จึงปรับลดคาดการณ์ MPI ปี 2567 เป็น -1.0% ถึง 0.0% และ GDP ภาคอุตสาหกรรมเป็น -0.5% ถึง 0.5% โดยยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท สถานการณ์น้ำท่วม การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการเลือกตั้งสหรัฐ
  • ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียอาจละทิ้งเป้าหมายราคาน้ำมันที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนธันวาคม และการที่ลิเบียบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับผู้นำธนาคารกลางซึ่งเคยเป็นปัญหาจนทำให้การส่งออกน้ำมันของลิเบียต้องหยุดชะงักไปนั้น ทำให้ลิเบียอาจกลับมาผลิตน้ำมันได้เร็วๆนี้
  • ผู้นำจีนและโปลิตบูโรประกาศมาตรการเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลัง สร้างเสถียรภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ และปรับลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการรวมถึงการควบคุมโครงการบ้านใหม่ ปรับปรุงโครงการเดิม และบังคับใช้การลดอัตราดอกเบี้ยและสัดส่วนกันสำรองของธนาคาร (RRR) ตามที่ธนาคารกลางประกาศ เป้าหมายคือบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีและยับยั้งการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นความพยายามสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวของจีน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • AAV: ราคาพื้นฐาน 3.22 บาท

ด้วยปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการที่กำลังเข้าสู่ช่วง Golden Week ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังไทยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นการเติบโตของนักท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่กำลังมาแรง และความพยายามขยายเส้นทางบินเชื่อมต่อกับเมืองหลักในอินเดียจะช่วยเสริมรายได้เพิ่มเติม อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ส่งผลให้ AAV มีโอกาสในการทำกำไรที่ดีขึ้น แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 3.22 บาท

  • HMPRO: ราคาพื้นฐาน 12.30 บาท

Homepro มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงถัดไปจากหลายปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะความต้องการซ่อมแซมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มปรับปรุงบ้านและวัสดุก่อสร้างกลับมาแข็งแกร่งขึ้น ประกอบกับมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ที่มีแนวโน้มส่งผลให้ผู้บริโภคมีความพร้อมในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้ การขยายสาขาใหม่และการให้บริการที่เน้นการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แนะนำซื้อโดยมีราคาพื้นฐานที่ 12.30 บาท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขของสหรัฐที่รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE Price Index) เดือน ส.ค ตลาดคาดการณ์ที่ 2.7% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY ต่อด้วย ดัชนีรายได้ส่วนบุคคล (Personal income) เดือน ส.ค ตลาดคาดการณ์ที่ 0.4% MoM  เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.3% MoM และ ดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal spending) เดือน ส.ค ตลาดคาดการณ์ที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.5% MoM
- Advertisement -